นักวิชาการ มธ. เตือนไทยเร่งปรับยุทธศาสตร์เชิงรุกรับภาษีทรัมป์
นักวิชาการ "ธรรมศาสตร์" เตือนเศรษฐกิจไทยปี 68 เสี่ยงหลุด 2% จากแรงกระเทือนนโยบายภาษีทรัมป์ แนะรัฐบาลเร่งปรับยุทธศาสตร์เชิงรุก
รศ.ดร.จุฑาทิพย์ จงวนิชย์ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์และอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ระบุว่า สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลกกำลังเปราะบางและซับซ้อนอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยประเทศไทยกำลังเผชิญแรงกระเพื่อมทางเศรษฐกิจรุนแรงจากสงครามการค้าโลกที่รุนแรงขึ้น
โดยเฉพาะภายใต้นโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากทั่วโลก (Baseline Tariff) 10% พร้อมเก็บภาษีต่างตอบแทน (Reciprocal Tariff) กับประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งไทยถูกเก็บในอัตราสูงถึง 37%
นโยบายของทรัมป์แสดงจุดยืนชัดเจนต่อการ "เปิดฉากสงครามการค้าแบบไร้พรมแดน" กระทบโดยตรงต่อสินค้าส่งออกหลักของไทย ทั้งกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ อาหารแปรรูป และสินค้าเกษตรสำคัญอย่างข้าว
รศ.ดร.จุฑาทิพย์ แนะนำให้รัฐบาลควรเร่งปรับยุทธศาสตร์เชิงรุก ด้วย 4 แนวทางหลัก ได้แก่
1.เตรียมการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ พร้อมเปิดนำเข้าสินค้าที่สหรัฐฯ ต้องการส่งออก
2.เร่งเบิกจ่ายงบประมาณและใช้นโยบายการคลังแม่นยำเพื่อประคองเศรษฐกิจ
3.เสริมสร้างเศรษฐกิจในประเทศให้เข้มแข็ง ทั้งกระตุ้นการลงทุน กระจายตลาด และเร่งใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
4.สร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในอาเซียนและพันธมิตร FTA
นอกจากนี้ รศ.ดร.จุฑาทิพย์ ยังแนะให้ไทยขยายตลาดส่งออกไปประเทศใหม่ๆ เพื่อลดการพึ่งพาสหรัฐฯ พร้อมเร่งเจรจา FTA กับพันธมิตรเพิ่มเติม และใช้กรอบความร่วมมืออาเซียนให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ในด้านการลงทุน แม้เม็ดเงินจากต่างชาติจะชะลอตัว ไทยควรเตรียมพร้อมเป็น "จุดหมายปลายทาง" ที่มั่นคงสำหรับนักลงทุน ด้วยการเดินหน้าพัฒนา 3 เสาหลักพร้อมกัน คือ เกษตรและอาหาร อุตสาหกรรมแห่งอนาคต และภาคบริการ ควบคู่กับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ตอบโจทย์ ทั้งการขนส่ง พลังงาน และดิจิทัล
ทั้งนี้ รศ.ดร.จุฑาทิพย์ เตือนว่า หากไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาด้านการค้าอย่างเป็นรูปธรรม อาจส่งผลให้ GDP ของไทยในปีนี้ลดลงต่ำกว่า 2.0% ซึ่งสะท้อนถึงความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างชัดเจน รัฐบาลจึงต้องเร่งผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง พร้อมเตรียมรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น