"ทรัมป์" ป่วนโลก เพื่อจัดระเบียบโลกใหม่ รักษาสถานะเบอร์1
กอบศักดิ์ ชี้ ทรัมป์ ป่วนโลก ต้องการจัดระเบียบโลกใหม่ หวังกลับมาเป็นเบอร์ 1 ดังเดิม แนะ ไทยเตรียมกลยุทธเจรจาที่มากกว่ามาตรการภาษี
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยในงานเสวนา Roundtable “Trump’s Global Quake: Thailand Survival Strategy” ภายใต้ หัวข้อ ผ่ากำแพงภาษี "ทรัมป์" ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ: Out of The Trump's Uncertainty ซึ่งจัดโดย กรุงเทพธุรกิจ ฐานเศรษฐกิจ และโพสต์ทูเดย์ ว่า ปัญหาภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในปัจจุบันเกิดจากการขาดดุลการค้าที่รุนแรง มีการขาดดุลหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะเดียวกันยังประสบภาวะปิดโรงงานจำนวนมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อฐานการผลิตในประเทศ หากยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต้องลำบาก จึงนำมาสู่แนวคิดจัดระเบียบโลกใหม่ อย่างไรก็ตามแม้ว่าสหรัฐฯ จะประสบปัญหาเหล่านี้ แต่เชื่อว่าระบบทุนนิยมของสหรัฐฯ จะไม่ล่มสลาย เพราะสหรัฐฯ กำลังพยายามสร้าง โลกใหม่ หรือระบบเศรษฐกิจใหม่ โดยมีเป้าหมายที่จะกลับมาเป็นประเทศที่ 1 อีกครั้ง
ส่วนการที่สหรัฐฯ ใช้ภาษีเป็นเครื่องมือหลักในการเจรจาทางการค้า โดยเฉพาะกับประเทศที่มีการส่งออกสินค้าจำนวนมากไปยังสหรัฐฯ ทรัมป์ต้องการลดการขาดดุลการค้าและเสริมสร้างเศรษฐกิจในประเทศ โดยการเพิ่มภาษีและการเจรจาทางการค้าในลักษณะนี้ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงและจัดระเบียบโลกใหม่
ดร.กอบศักดิ์ ยังได้เน้นย้ำว่า แม้ภาษีที่สหรัฐฯ ตั้งขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการค้า แต่ประเทศไทยไม่ควรให้ความสำคัญกับตัวเลขภาษีเพียงอย่างเดียว โจทย์ที่สำคัญคือการเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อหาทางได้ประโยชน์ร่วมกัน ไม่ใช่แค่การลดภาษี แต่ต้องมองการแลกเปลี่ยนที่สามารถส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจไทย
ไทยต้องตั้งคำถามว่าเมื่อการปฏิรูปภาษีเกิดขึ้น เราควรจะให้ความสำคัญกับการเจรจามากกว่าตัวเลขภาษี เพราะภาษีที่ถูกตั้งขึ้นไม่เชื่อมโยงโดยตรงกับการค้า สหรัฐฯ ใช้ภาษีเป็นเครื่องมือในการเจรจาเพื่อให้ได้เปรียบจากประเทศที่ส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ โดยเฉพาะประเทศที่ได้เปรียบในเรื่องการค้า สหรัฐฯ ต้องการใช้มาตรการภาษี แต่มาตรการที่ไม่ใช่ภาษี (Non-tariff barriers)ด้วย เพื่อดึงประเทศเหล่านั้นไปเจรจาและหาข้อตกลงที่เหมาะสม โจทย์ไม่ใช่
โจทย์สำคัญไม่ใช่แค่การทำให้ภาษีศูนย์เท่านั้น เช่น การที่เวียดนามได้รับการยกเว้นภาษี 0% ก็ยังไม่เพียงพอ เพราะสหรัฐฯ กำลังจัดระเบียบใหม่เพื่อประโยชน์ของตัวเอง โดยทีมเจรจากับสหรัฐฯ เป็นทีมที่ยากที่สุด เนื่องจากไม่ได้มุ่งเน้นแค่เรื่องภาษี แต่ยังมีหลายปัจจัยที่สหรัฐฯ ต้องการในกระบวนการเจรจา
ประเทศไทยต้องเตรียมตัวรับมือกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของระบบการค้าโลก ซึ่งได้รับผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์และผู้สืบทอดนโยบายจากผู้นำสหรัฐคนต่อไป เนื่องจากสหรัฐฯ กำลังกดดันการค้าและการลงทุนในลักษณะของการใช้ภาษีและมาตรการทางการค้าอื่น ๆ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่จีนไม่สามารถส่งสินค้าไปยังสหรัฐฯ ได้ อาจส่งผลให้สินค้าจำนวนหนึ่งจากจีนไหลเข้าสู่ประเทศไทย
สำหรับ ทางรอดของประเทศเล็กๆอย่างไทย ประเทศไทยจะต้องหากลยุทธ์เจรจาที่แข็งแกร่งและมีพันธมิตรในการเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงการตกอยู่ภายใต้การกดดันจากสหรัฐฯ พร้อมทั้งเตรียมรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นระยะสั้น เนื่องจากสินค้าและการลงทุนจากจีนอาจเข้ามามากขึ้นในตลาดไทย ซึ่งเป็นภาระที่ผู้ประกอบการไทยต้องเตรียมพร้อมรับมือ
ไทยต้องลดการพึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ซึ่งมีสัดส่วนถึง 18% และพิจารณาเพิ่มการค้ากับประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะจีนซึ่งเศรษฐกิจของจีนกำลังเติบโตและอาจกลายเป็นตลาดสำคัญในอนาคต
ในอนาคตประเทศไทยอาจถูกบังคับให้เลือกข้างระหว่างมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ เช่น สหรัฐฯ และจีน ซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งครั้งใหญ่ การเตรียมตัวตั้งแต่วันนี้จึงสำคัญ เพื่อให้ไทยสามารถรักษาความเป็นกลางและใช้สถานการณ์นี้เป็นโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งขึ้น