posttoday

InnovestX แนะไทยต้องเร่งเปิดเสรีการค้ายุโรป ทดแทนส่งออกสหรัฐ

09 เมษายน 2568

นักวิจัยเศรษฐกิจ อินโนเวสท์ เอกซ์ หวั่น GDP ไทยติดลบแรง แนะทางออกต้องเร่งเจรจาเปิดเสรีทางการค้ากับยุโรป ทดแทนการส่งออกไปสหรัฐฯ หลังทรัมป์ขึ้นภาษี

ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ Head of Economic Reserch หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) กล่าวในงานเสวนา Roundtable “Trump’s Global Quake: Thailand Survival Strategy” ภายใต้หัวข้อ "ผ่ากำแพงภาษี" ทรัมป์ ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ: Out of The Trump’s Uncertainty" ว่า

 

ขณะนี้นักเศรษฐศาสตร์หลายสำนักประเมินตรงกันว่า GDP ไทยอาจลดลงเหลือเพียง 1.4% หรือราว ๆ 1% ต้น ๆ  หากสถานการณ์สงครามการค้ายืดเยื้อ โดยเฉพาะในมุมของ “โมเมนตัม” ทางเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวอย่างชัดเจน โดยเริ่มจากภาคการส่งออกที่เผชิญปัญหามากขึ้น ส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังภาคการจ้างงานและการบริโภคภายในประเทศ
 

"ครึ่งปีหลังถือว่าน่ากังวลอย่างมาก GDP ในรายไตรมาส 3 และ 4 อาจเหลือเพียงระดับ 0 ต้น ๆ หรืออาจติดลบ หากพิจารณาภาคการส่งออก เราเคยเติบโต 8–10% ในไตรมาสแรก แต่แนวโน้มต่อจากนี้อาจกลับทิศแรง โดยเฉพาะไตรมาส 4 ที่มีโอกาสติดลบถึง -10%"

 

ดร.ปิยศักดิ์ชี้ว่า ตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ เริ่มมีแนวโน้มถดถอย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสินค้าไทยหลายกลุ่ม โดยเฉพาะ คอมพิวเตอร์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรกล สินค้าเกษตร อัญมณี และยางพารา ซึ่งล้วนพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ ค่อนข้างสูง หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น อาจส่งผลกระทบลากยาวต่อเศรษฐกิจไทยไปถึงปี 2026
 

 

จุดที่ควรเร่งดำเนินการในขณะนี้ คือการเปิดเสรีทางการค้ากับยุโรป


ดร.ปิยศักดิ์เผยว่า ได้หารือกับผู้บริหารในกระทรวงพาณิชย์ และพบว่ายุโรปเริ่มแสดงท่าทีเชิงบวกต่อการเจรจาเสรีการค้า (FTA) กับไทย หลังจากเห็นภาพของความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน ซึ่งอาจกลายเป็นโอกาสที่ดีของไทย

 

"หากสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีกับยุโรปได้จริง ภายใน 3 ปีข้างหน้า มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับยุโรปอาจเติบโต 15–20% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนเพียง 7% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด อาจขยับขึ้นมาแตะ 15–20% ได้ ซึ่งจะเข้ามาทดแทนการส่งออกไปสหรัฐฯ ได้บางส่วน"

 

ในระยะสั้น รัฐบาลควรพิจารณามาตรการช่วยเหลือผู้ส่งออกอย่างเร่งด่วน อาทิ การพิจารณาลดภาษีนิติบุคคลบางส่วน หรืออุดหนุนทางภาษีให้กับภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงการลดดอกเบี้ย ซึ่งแม้ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจต้องเผชิญข้อจำกัดจากแรงกดดันเงินเฟ้อ แต่หากเศรษฐกิจภายในยังตึงตัว ก็ควรมีพื้นที่ในการผ่อนคลายนโยบาย