posttoday

เปิดข้อมูลการค้าไทย-มาเลเซียหนุนอาเซียนรับมือกำแพงภาษีสหรัฐ

18 เมษายน 2568

พิชัย นริพทะพันธุ์ เผย รัฐมนตรีการค้า ไทย–มาเลเซีย หนุนอาเซียนรวมพลัง รับมือกำแพงภาษีสหรัฐฯ ชูหุ้นส่วนยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน คลี่คลายความขัดแย้งอย่างสมดุล

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่าได้ร่วมหารือกับ ‘เต็งกู ดาโต๊ะ ศรี ซาฟรูล อับดุล อาซิส’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุน การค้า และอุตสาหกรรมของมาเลเซียและประธานรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนได้แลกเปลี่ยนมุมมองเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างไทยและมาเลเซีย รวมถึงระดับภูมิภาค เพื่อเตรียมรับมือกับนโยบายการค้าใหม่ของสหรัฐฯ โดยเฉพาะมาตรการจัดเก็บภาษีต่างตอบแทน ที่ส่งผลกระทบต่อหลายประเทศในภูมิภาค 

ทั้งสองประเทศเห็นพ้องในการสนับสนุนถ้อยแถลงร่วมของรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2568 ที่ยืนยันความเป็นหนึ่งเดียวกัน และอาเซียนจะเป็น"หุ้นส่วนยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน"กับสหรัฐฯ รวมทั้งเน้นย้ำความจำเป็นในการส่งเสริมการเจรจาเชิงสร้างสรรค์ เพื่อคลี่คลายความขัดแย้งทางการค้าอย่างสมดุล โดยอาเซียนจะยังยึดมั่นในระบบการค้าพหุภาคีและหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการตอบโต้ทางการค้า 

นายพิชัยได้เสนอ รมต. ซาฟรูล อาซิสให้เร่งจัดการประชุมเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์และจุดยืนร่วมของอาเซียน สำหรับการหารือกับสหรัฐฯ พร้อมเชิญชวนประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าร่วมประชุมเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อแสดงความเป็นหนึ่งและแสวงหาทางออกที่สร้างสรรค์และยั่งยืนอันจะนำไปสู่การรักษาผลประโยชน์ของภูมิภาค ตลอดจนความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานในระยะยาวต่อไป

ทั้งนี้ ในเดือนพฤษภาคม2568 จะมีการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Council) ครั้งที่ 25 และการประชุมผู้นำอาเซียน (ASEAN Summit) ครั้งที่ 46 ขึ้น ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยผู้นำและรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกอาเซียน ก็จะได้มีการหารือแนวทางในประเด็นดังกล่าวต่อไป

นายพิชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า อาเซียนเป็นหนึ่งในภูมิภาคเศรษฐกิจที่มีศักยภาพสูงอย่างยิ่งของโลก ด้วยจำนวนประชากรกว่า 660 ล้านคน มูลค่า GDP รวมกว่า 3.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ และแนวโน้มการเติบโตของการค้าในภูมิภาคที่แข็งแกร่งและต่อเนื่อง โดยไทยพร้อมสนับสนุนอาเซียนในการยึดมั่นในหลักการเปิดกว้าง เชื่อมโยง และยั่งยืนกับทุกประเทศคู่ค้า และพร้อมเป็นศูนย์กลางทางการค้าและเศรษฐกิจที่สำคัญของโลกทั้งนี้ในปี 2567 

มาเลเซียเป็นคู่ค้าอันดับที่ 4 ของไทยในโลก และอันดับที่ 1 ของไทยในกลุ่มอาเซียน โดยในปี 2567 การค้ารวมไทย-มาเลเซีย มีมูลค่า 26,055.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+3.88%) โดยไทยเป็นฝ่ายขาดดุลการค้ามูลค่า 1,385.43 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

สินค้าสำคัญที่ไทยส่งออกไปมาเลเซีย อาทิยานยนต์และส่วนประกอบ น้ำมันสำเร็จรูป แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ยางพารา เคมีภัณฑ์เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์สำหรับในช่วง 2 เดือนแรกของปี2568 (ม.ค.-ก.พ.) การค้าสองฝ่ายมีมูลค่า 4,126.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+5.28%) โดยเป็นการส่งออก 2,011.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯและนำเข้า 2,114.29 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

สหรัฐฯ เป็นหนึ่งในคู่ค้าหลักของอาเซียนมายาวนาน โดยในปี 2567 สหรัฐฯ และอาเซียนมีมูลค่าการค้าทั้งหมด 476.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยนำเข้าจากอาเซียนมูลค่า 352.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+13.3%) และส่งออกไปอาเซียนมูลค่า 124.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(+16.6%)

สินค้าสำคัญที่สหรัฐฯ นำเข้าจากอาเซียน อาทิ ยางและผลิตภัณฑ์จากยาง รองเท้า เครื่องนุ่งห่มและเครื่องประดับเสื้อผ้า ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องจักร และสินค้าสำคัญที่สหรัฐฯ ส่งออกไปอาเซียน อาทิ เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องนุ่งห่ม เครื่องจักร วัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และยานยนต์ ชิ้นส่วน และเครื่องยนต์

เมื่อเช้าวันนี้ (วันที่ 18 เม.ย. 2568) นายพิชัย ได้เดินทางไปยังโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ เพื่อส่ง อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เดินทางกลับมาเลเซีย ภายหลังจากเสร็จสิ้นการปฏิบัติภารกิจในโอกาสเยือนไทยอย่างเป็นทางการอีกด้วย.