ธนารักษ์ ดึง AI ประเมินที่ดิน นำร่องกทม.-นครนายก หวังทันใช้รอบประเมินปี 69
ธนารักษ์ เดินหน้าใช้ AI ประเมินที่ดินทั่วประเทศ เริ่มนำร่อง กทม.-นครนาย ก ก.ย. 68 เล็งลดช่องว่างราคาตลาด หวังใช้ทันประกาศราคาประเมินรอบใหม่ปี 2569 พร้อมดัน ROA โต 20%
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมธนารักษ์อยู่ระหว่างเร่งปรับปรุงกระบวนการในการประเมินราคาที่ดินทั่วประเทศ ที่จะมีการประกาศรอบใหม่ในปี 2569 โดยตั้งเป้าหมายให้ราคาประเมินสอดคล้องกับความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเบื้องต้นจะมีการดึงเทคโนโลยีดิจิทัล และระบบ AI เข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงาน รวมถึงจะมีการประสานข้อมูลกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ และธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากเป็นส่วนงานที่มีหน่วยงานในการประเมินราคาสินทรัพย์ ซึ่งรวมถึงที่ดินด้วย จะช่วยให้ข้อมูลมีความแม่นยำมากขึ้น
ทั้งนี้ กรมฯ ตั้งเป้าหมายในการใช้ AI และระบบเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเสริมกระบวนการประเมินราคาที่ดิน ในที่ดินต้นแบบ 2 แห่ง ได้แก่ จังหวัดนครนายกและกรุงเทพมหานคร คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายใน ก.ย. 2568 หลังจากนั้นจะทยอยใช้ให้ครบทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
ต้องยอมรับว่าปัจจุบันาคาประเมินที่ดิน กับราคาตลาดยังมีช่องว่างสูงสุด 30-40% ซึ่งกรมฯ ได้พยายามยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อให้ราคาออกมาสอดคล้องกับความเป็นจริงมากที่สุด โดยมีเป้าหมายให้ราคาประเมินที่ดินกับราคาตลาดมีช่องว่างที่แตกต่างกันลดลงไม่เกิน 15% ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย แต่ก็ต้องยอมรับว่าด้วยราคาประเมินที่ดินในแต่ละพื้นที่ก็จะแตกต่างกันไปตามศักยภาพด้วย ดังนั้นจึงมองว่าการดึงเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาและเชื่อมโยงข้อมูลกับส่วนงานต่าง ๆ จะช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ กรมธนารักษ์ยังตั้งเป้าหมายเพิ่มรายได้และอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return on Asset : ROA) สำหรับที่ราชพัสดุเชิงพาณิชย์ให้สูงขึ้น 20% หรือ 2 พันล้านบาท ภายในปี 2569 ภายใต้ยุทธศาสตร์ในการเพิ่มมูลค่าและคุณค่าทรัพย์สินของแผ่นดิน ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิต ส่งเสริมสิ่งแวดล้อมและวัฒนาธรรม ขณะนี้เป้าหมายการจัดเก็บรายได้ของกรมฯ ในปีงบประมาณ 2568 อยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น การจัดเก็บรายได้จากค่าเช่าที่ดินราชพัสดุเชิงพาณิชย์ 1.06 หมื่นล้านบาท ซึ่งขณะนี้จัดเก็บได้แล้ว 9.8-9.9 พันล้านบาท และรายได้จากเหรียญอีก 400 ล้านบาท
5 เดือนที่ผ่านมา (ต.ค. 67-ก.พ.68) ธนารักษ์จัดเก็บรายได้สูงกว่าปีก่อน 13% และสูงกว่าเป้าหมายที่กระทรวงการคลังตั้งไว้ 9.2% จากการบริหารสัญญาค่าเช่าที่ดินราชพัสดุ เป็นต้น ซึ่งในส่วนนี้กรมธนารักษ์อยู่ระหว่างการทบทวนสัญญาเช่าที่ราชพัสดุ โดยเฉพาะเชิงพาณิชย์ที่กำลังจะหมดสัญญา จะมีการปรับขึ้นค่าเช่าเพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นจริงมากขึ้น ที่ผ่านมาได้ดำเนินการไปแล้ว กับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.
นายเอกนิติ กล่าวอีกว่า การทบทวนสัญญาเช่าที่ราชพัสดุเชิงพาณิชย์ จะเป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยให้กรมธนารักษ์สามารถเพิ่มอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ได้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีที่ดินราชพัสดุ 12.6 ล้านไร่ โดยในส่วนนี้แบ่งเป็นพื้นที่ความมั่นคง 2.6 ล้านไร่ และอีก 10.48 ล้านไร่ เป็นพื้นที่ที่ส่วนราชการครอบครอง ซึ่งตรงนี้มีพื้นที่ประมาณ 1 ล้านไร่ ที่ยังไม่มีการบริหารให้มีประสิทธิภาพ ก็จะมีการเข้าไปดูเพื่อให้สามารถสร้างผลตอบแทนได้มากขึ้น ซึ่งอาจจะต้องมีการวางยุทธศาสตร์หรือกลยุทธ์ในการดำเนินการเพื่อให้มีการดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากที่สุด
อย่างไรก็ดี แผนการบริหารทรัพย์สินให้ตรงกลุ่ม เพื่อเพิ่มมูลค่าและคุณค่าทรัพย์สินของแผ่นดิน โดยดำเนินการผ่านต้นแบบโครงการสังคม สวล. วัฒนธรรม ภายในปี 2569 แบ่งเป็น โครงการธนารักษ์เอื้อราษฎร์ยั่งยืน, โครงการต้นแบบเพื่อสาธารณสุข, โครงการต้นแบบพัฒนาที่ราชพัสดุ/อาคารเชิงอนุรักษ์วัฒธรรม, โครงการต้นแบบการใช้พลังงานสะอาดในที่ราช/อาคาร3ต้นแบบ, ต้นแบบเหรียญสะสมที่มีมาตรฐานสากล และลด CO2 ในธนารักษ์ 10%