Crisis Watch
จริยธรรมทางการค้าอีกหนึ่งที่ผู้ประกอบการควรใส่ใจ (จบ)
จริยธรรมทางการค้าอีกหนึ่งที่ผู้ประกอบการควรใส่ใจ (จบ)
โดย..รีต้า ทัพภมาน
จริยธรรมทางการค้าอีกหนึ่งที่ผู้ประกอบการควรใส่ใจ (จบ)
สัปดาห์ที่แล้วได้พูดถึงเรื่องของจริยธรรมทางการค้าไปบางส่วน ถึงความสำคัญและคุณค่าของจริยธรรม เพราะหากธุรกิจทั้งหลายไม่คำนึงถึงแล้ว ปัญหาต่างๆ ก็จะเกิดขึ้น ซึ่งหากพูดกันตามความเป็นจริงนั้น มีผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าและให้บริการอยู่จำนวนไม่น้อยที่มองข้ามเรื่องดังกล่าว
ปัญหาที่ว่านี้หากลองมารวบรวมและสรุปเป็นประเด็นนั้น ทางกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้แยกออกเป็น 4 เรื่อง ที่พบบ่อยและเกิดขึ้นกับการประกอบธุรกิจในยุคปัจจุบัน ได้แก่
1.สินค้าไม่ได้คุณภาพตามที่โฆษณา
2.สินค้าไม่ได้มาตรฐานตามที่ระบุ มีการปลอมปนสินค้า
3.ปิดบัง ซ่อนเร้น หลอกลวงถึงสรรพคุณรายละเอียดของสินค้าหรือบริการที่ผู้บริโภคควรได้รับ
4.สินค้ามีปริมาณและน้ำหนักไม่ได้ตามมาตรฐาน
ฉะนั้น หากเราในฐานะผู้บริโภคก็ควรมีการศึกษาข้อมูลและตรวจสอบกันสักนิดก่อนการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือใช้บริการนั้นๆ และยิ่งหากเราเป็นผู้ผลิตหรือให้บริการเสียเอง ยิ่งต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะหากต้องการให้สินค้าหรือบริการของเราสามารถมัดใจลูกค้าได้แล้วนั้น การมีจริยธรรมถือเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งจริยธรรมของผู้ประกอบการที่พึงมีต่อผู้บริโภคสามารถสรุปเป็นหัวข้อได้ 5 ข้อดังนี้
1.ขายสินค้าและให้บริการอย่างยุติธรรม
2.ขายสินค้าและให้บริการถูกต้องตามจำนวนและคุณภาพเหมาะสมกับราคาซื้อขายสินค้าหรือบริการ
3.ไม่ก้าวก่ายการตัดซื้อสินค้าหรือบริการของลูกค้า
4.ดำเนินธุรกิจอย่างไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่สร้างความเข้าใจผิดในคุณภาพสินค้าหรือบริการแก่ลูกค้า
5.ปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างมีน้ำใจ มีอัธยาศัยที่ดีในการซื้อขายสินค้าหรือบริการ
ส่งท้ายด้วยวลีเพราะๆ ในเรื่องของจริยธรรมทางการค้าที่ทางกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้เขียนไว้...ที่ว่า
ความซื่อสัตย์...ต่อลูกค้า...มีราคากว่า...ค่าเงิน
การอยู่รอดของธุรกิจที่มั่นคงและยั่งยืน...อยู่ที่ลูกค้า หรือผู้บริโภค
ถ้าไม่มีผู้บริโภค...ก็ไม่มีผู้ประกอบการ
ในยุคการค้าเสรี จริยธรรมทางการค้าคือการปิดป้ายราคา แข่งขันด้วยคุณภาพ
ด้วยราคาเป็นธรรม ไม่หลอกลวงลูกค้า
ไม่ปลอมปนคุณภาพสินค้า ไม่โฆษณามอมเมา
เพราะเห็นการณ์ไกลที่ว่า
“คนซื้ออยู่ได้...คนขายอยู่รอด”
มีลูกค้าถาวร...ดีกว่ามีลูกค้าจรครั้งเดียว