จับตามติขายไม่พะยูง รัฐได้หน้าทว่าการเมืองอิ่ม
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด หรือเกิดเหตุการณ์พลิกล็อกแบบถล่มทลาย
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด หรือเกิดเหตุการณ์พลิกล็อกแบบถล่มทลาย
ผู้ใหญ่ในรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจะเสนอเรื่องเพื่อขอมติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้กรมศุลกากรสามารถจำหน่ายไม้พะยูงที่เจ้าหน้าที่ได้จับกุมการลักลอบนำเข้าจำนวน 600-700 ตู้คอนเทนเนอร์ มูลค่าที่ตีราคากลางกว่า 600-700 ล้านบาท ออกไป
เป็นการขอมติ ครม.เพื่อล้มมติเดิมที่ห้ามจำหน่ายไม้พะยูง
เหตุผลที่จะหยิบยกมากล่าวอ้าง คือ ขอมติเพื่อขายไม้ออกไปแบบ “จีทูจี” หรือขายออกไปแล้วให้ขนออกไปนอกประเทศ
หรือไม่ก็เพื่อขายออกไปให้กับประเทศจีนที่สนใจนำไม้พะยูงเพื่อนำไปซ่อมและบูรณะพระราชวังต้องห้าม
หลายคนอาจไม่รู้จักไม้พะยูง แต่คนจีนนั้นรู้จักและต้องการอย่างมาก
ไม้พะยูง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Dalbergia cochinchinensis Pierre ชื่ออื่นๆ ที่รู้จักกันคือ ไม้ขะยุงแดงจีน ประดู่เสนพะยุง
ประโยชน์ของไม้นี้ เนื่องจากเนื้อไม้สีแดงอมม่วง ถึงแดงเลือดหมูแก่ เนื้อละเอียด แข็งแรงทนทาน ขัดและชักเงาได้ดี ใช้ทำเครื่องเรือน เกวียน เครื่องกลึงแกะสลัก ทำเครื่องดนตรี เช่น ซอ ขลุ่ย ลูกระนาด
นอกจากนี้ต้นไม้พะยูงยังมีนามที่เป็นมงคล ความหมายว่า “ความสูงส่ง ให้มีศักดิ์ศรีค้ำจุน” อีกด้วย
เชื่อหรือไม่ก็ตามในช่วงไม่กี่ปีมานี้ จีนมีความต้องการไม้พะยูงจำนวนมาก เพื่อนำไปสร้างพระราชวังต้องห้าม และผลิตของที่ระลึก ทำให้ราคาไม้พะยูงในจีนมีสูงถึง 2 แสนบาทต่อลูกบาศก์เมตร
ราคาไม้พะยูงในเมืองไทยที่กรมศุลกากรจับกุมไว้อาจดูต่ำแค่ 600-700 ล้านบาท
แต่เชื่อหรือไม่หากมีการส่งออกไปในเมืองจีนหรือย่านอาเซียน ราคาจะถีบตัวขึ้นไปไม่น้อยกว่า 2-3 เท่า
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใจที่บรรดาพ่อค้าส่งออกและนำเข้าไม้ ใช้ความพยายามมากว่า 3 รัฐบาล ตั้งแต่ยุค นพ.สุรพงษ์สืบวงศ์ลี เป็น รมว.คลัง เรื่อยมาจนยุคคุณชายอุ๋ย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล จนมาถึงยุค กรณ์ จาติกวณิช เป็น รมว.คลัง เพื่อล็อบบี้ให้ “รัฐมนตรี” เสนอเรื่องเพื่อล้มมติเดิมให้กรมศุลกากรสามารถขายไม้ออกไปแบบยกล็อต
คุยกันลั่นไปทั้งย่านคลองเตยว่า ถ้าใคร นักการเมืองคนไหนทำได้เอาไปเลย30-40% ของราคาประมูลได้
ประมูลไป 600 ล้านบาท เอาไปเลย 180-240 ล้านบาท ว่ากันขนาดนั้น
เพราะว่าราคาที่ประมูลนั้นแค่ลูกบาศก์เมตรละ 3-5 หมื่นบาท แต่เมื่อส่งออกไปถึงเมืองจีนราคาจะพุ่งขึ้นหลายเท่าตัว
ในระยะที่ผ่านมาจึงมีพ่อค้าล็อบบี้นักการเมืองใหญ่ในทำเนียบเพื่อขอให้นำของกลางออกจากอ้อมกอดของกรมศุลกากร
และได้ผลเสียด้วยเมื่อนักการเมืองใหญ่ผู้ร่ำรวยแร่ธาตุ เห็นดีเห็นงามตามที่ปรึกษาหนุ่มที่ชี้ให้เห็นถึงผลดีในมิติของความสัมพันธ์กับจีน
จึงมีความพยายามผลักดันเรื่องนี้มาตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา แต่มาสัมฤทธิผลเอาเมื่อปลายปีก่อน เมื่อเผอิญว่าเจ้าของสถานที่เก็บไม้เริ่มงอแงเรียกค่าเก็บของกลางจากกรมศุลกากร
ทุกอย่างก็เข้าทางฝ่ายการเมือง เพราะมีแสงมลังเมลืองของม่านหมอกสีเทาลอยอยู่เต็มไปหมด
เรื่องนี้ ประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กรมศุลกากรเสนอกระทรวงการคลังเพื่อขอให้กรมศุลกากรสามารถจำหน่ายไม้พะยูงซึ่งเป็นของกลางที่ศุลกากรยึดได้สะสมมาตั้งแต่ปี 2548–2549 จนถึงปัจจุบันมีจำนวนรวมกันกว่า 600 ตู้คอนเทนเนอร์ ให้กับต่างประเทศรูปแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี เพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติการยกเลิกมติ ครม.เดิมที่อนุญาตให้กรมศุลกากรจำหน่ายไม้พะยูงของกลางได้เฉพาะในประเทศเท่านั้น
สาเหตุที่ขอจำหน่ายในต่างประเทศแบบจีทูจี เพราะต้องการเลี่ยงเรื่องปัญหาการสวมต่อ เนื่องจากเกรงว่าหากมีการจำหน่ายให้เอกชนในประเทศแล้ว อาจจะมีการตัดไม้ทำลายป่าในประเทศเพื่อนำมาสวมใบขนสินค้าได้ ล่าสุดมีรัฐบาล 2 ประเทศที่แสดงความสนใจ ได้แก่ รัฐบาลของจีน ที่กำลังเตรียมซ่อมแซมพระราชวัง กับรัฐบาลเวียดนาม
อธิบดีกรมศุลกากร บอกว่า ในเบื้องต้นคาดว่าไม้ดังกล่าวมีมูลค่ากว่า 610–620 ล้านบาท ส่วนรูปแบบการจำหน่ายจะใช้วิธีการแลกเป็นสินค้าหรือเงินนั้นให้เป็นเรื่องของรัฐบาล โดยกรมศุลกากรจะตั้งคณะกรรมการเพื่อดูแลเรื่องการจำหน่ายไม้พะยูงครั้งนี้ด้วย
ประสงค์ กล่าวถึงสาเหตุที่เร่งเรื่องการจำหน่ายไม้พะยูงอีกว่า เนื่องจากขณะนี้กรมศุลกากรได้รับหนังสือเตือนจากเจ้าของตู้คอนเทนเนอร์ และเจ้าของที่ที่นำตู้ไปวางไว้คือที่แหลมฉบังว่า ต้องการคิดค่าเช่ารวมแล้วน่าเป็นเงินไม่น้อยกว่า 6 ล้านบาทต่อเดือน รวมทั้งยังต้องมีค่าใช้จ่ายเรื่องการจ้างคนเฝ้าไม้ดังกล่าว
ขณะเดียวกันการเก็บไม้ดังกล่าวไว้นานทำให้คุณภาพเสื่อมลงเรื่อยๆ ทั้งเรื่องความร้อนที่ทำให้ยางไม้ไหลออกมา ไม้กรอบ หากเก็บไว้นานเกรงว่าจะยิ่งเสื่อมสภาพ
นอกจากนี้ รายได้ที่เกิดจาการจำหน่ายไม้พะยูงทั้งหมดจะต้องนำส่งเป็นรายได้เข้าแผ่นดิน เพราะถือเป็นการจับตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ ที่เป็นกฎหมายที่สูงกว่าของกรมศุลกากร จึงทำให้ศุลกากรจะไม่ได้รับเงินสินบนรางวัลใดๆ ทั้งสิ้น
จึงเกรงว่าเก็บไว้นานๆ อาจทำให้ต้องมีภาระเรื่องการจ่ายค่าเช่าที่ และคอนเทนเนอร์เพิ่มขึ้นอีกด้วย
ประจวบเหมาะเหลือเกิน...