ผอ.โรงเรียนดังกรุงเก่าเตรียมตัวตายอย่างมีสติ
อดีตผอ.โรงเรียนดังกรุงเก่าเตรียมตัวตายอย่างมีสติพร้อมทำซีดีเปิดในงานสวดศพและจัดพิมพ์หนังสือแจกในงานพิธีเผาศพ
อดีตผอ.โรงเรียนดังกรุงเก่าเตรียมตัวตายอย่างมีสติพร้อมทำซีดีเปิดในงานสวดศพและจัดพิมพ์หนังสือแจกในงานพิธีเผาศพ
โดย...สุนทร พงษ์เผ่า
มนุษย์ทุกคนย่อมปรารถนาการตายอย่างสงบ หากระลึกได้ว่าความตายอยู่ทุกนาที การดำเนินชีวิตอยู่โดยความไม่ประมาท และรู้ตัวดีว่าไม่มีมนุษย์หน้าไหนอยู่ค้ำฟ้าได้ เช่นเดียวกับ นายประสิทธิ์ สุดลาภา อายุ 75 ปี อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนวัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่บ้านเลขที่ 16 หมู่ 1 ต.ท่าวาสุกี อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนวัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา แม้ว่าทุกวันนี้ยังดูสุขภาพแข็งแรงสมวัย แต่ก็เตรียมตัวตายอย่างมีสติ ก่อนจะลาโลกนี้ได้ทำซีดีเปิดในงานศพและจัดพิมพ์หนังสือแจกเป็นที่ระลึกในงานพิธีเผาศพให้กับแขกที่มาร่วมงาน
นายประสิทธิ์ เล่าว่า มนุษย์ทุกคนหนีไม่พ้นความตาก แต่ก่อนตายต้องเตรียมความพร้อมตลอดเวลาในช่วงที่ร่างกายที่ยังแข็งแรงอยู่จึงเตรียมพร้อมทุกด้านก่อนที่วันนั้นจะมาถึงเพื่อลดภาระผู้ที่อยู่ข้างหลัง ดังนั้นจึงจัดพิมพ์หนังสือเป็นที่ระลึกไว้สำหรับแจกแขกที่มาร่วมงานศพ โดยหนังสือที่จัดพิมพ์เตรียมไว้นั้นมีขนาดความกว้าง 15 ซม. ยาว 20 ซม. ความหนา 30 หน้า หน้าปกพิมพ์สีสี่อย่างดี ด้านในพิมพ์ด้วยหมึกสีน้ำเงิน โดยหน้าปกเป็นภาพขอนายประสิทธิ์ สวมเครื่องแบบชุดปกติขาวเต็มยศ
ขณะที่รองปกด้านในแผ่นแรกพิมพ์ว่า ชาตะ วันที่ 8 เมษายน พ.ศ.2479 มรณะเป็นสิ่งไม่แน่นอน และที่แผ่นรองปกสุดท้ายหรือหน้าที่ 30 เป็นภาพของนายประสิทธิ์แต่งกายชุดเสื้อผ้าลายดอกสดใส ยืนโบกมือบ๊ายบาย พร้อมพิมพ์ข้อความเป็นลายมือว่า " ลาก่อน บ๊ายบาย เพื่อน ๆ น้อย ๆ ลูก ๆหลาน ๆ จงมีความสุขในโลกนี้ อย่างสุขขี สุขขี นะจ๊ะ"
อดีตผอ.โรงเรียนดังกรุงเก่า กล่าวต่อว่า ได้จัดพิมพ์หนังสือไว้จำนวน 1,000 เล่มเชื่อว่าเพียงพอต่อแขกที่จะมาร่วมงานศพและที่พิมพ์ว่างานพระราชทานเพลิงศพเพราะว่าเป็นการจัดเตรียมเอกสารทุกอย่างเพื่อพร้อมให้ลูกหลานนำไปขอพระราชทานเพลิงศพได้ทันที เพราะเคยรับราชการเป็นอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน หรืออาจารย์ใหญ่ระดับ7 และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์สูงสุดทวิติยาภรณ์ช้างเผือก
นอกจากหนังสือที่พิมพ์เตรียมไว้แล้วก็ยังจัดทำซีดีอีก 2 แผ่น โดยแผ่นแรกเป็นภาพและเสียงของตนเองที่กล่าวขอบคุณคนที่มาร่วมงานและคำพูดทักทายคนที่มาร่วมงานอีกแผ่นเป็นประวัติของตนเอง ผลงาน และแนวคิดที่ต้องการให้ทุกคนมีความสุขกตัญญูต่อชาติและหน้าที่การงานรวมถึงอยากให้สถาบันครอบครัวในสังคมอยู่กันด้วยความรักลีความสุข
ทั้งนี้ยังได้จัดเตรียมรายชื่อแขกผู้มีเกียรติที่ควรเชิญหรือบอกมามาร่วมงานศพด้วย ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนข้าราชการครูทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นน้อง ๆที่รู้จักและคบหากัน รวมถึงรายชื่อญาติๆและคนสำคัญที่ควรเชิญมาร่วมงานศพของตนเอง
สำหรับงานศพนั้นกำหนดสั่งไว้เป็นลากลักษณ์อักษรชัดเชนเขียนด้วยลายมือว่าให้นำศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดราชประดิษฐาน ใกล้ตลาดหัวรอซึ่งเป็นวัดที่อยู่ใกล้กับบ้านเดิมของครอบครัวสุดลาภาและเป็นวัดที่เคยใช้เป็นที่บำเพ็ญกุศลพ่อแม่ที่เสียชีวิตไปนานแล้วขณะเดียวกันได้สั่งให้ลูกๆทั้ง 7 คน จัดงานศพเองอย่างเรียบง่าย โดยสวดพระอภิธรรมศพเพียง 3 คืนเท่านั้น และให้นำซีดีเปิดในงานสวดศพทุกคืน ตลอดทั้งเปิดในงานวันพระราชทานเพลิงศพด้วย ส่วนหนังสือที่พิมพ์ไว้ให้นำไปแจกในงานพระราชทานเพลิงศพด้วยเช่นกัน
"เนื้อหาสาระในหนังสือก็เป็นประวัติของครอบครัวสุดลาดภาแต่สมัยก่อนที่ผมจะเกิดเป็นข้อความแสดงถึงคุณของพ่อที่เป็นครู แม่ที่ทำการเกษตรหรือทำนา โดยทั้งคู่ทำงานหนักเพื่อให้ลูก ๆ ได้เรียนหนังสือคำสอนของพ่อแม่ที่สอนให้คนเองเป็นเป็นคนดีและทำหน้าที่ครูที่ดี ต่อมาเป็นการพิมพ์ข้อความครอบครัว รวมถึงลูก ๆ อีก 7คนที่เป็นคนดีและเรียนจบจบปริญญากันทุกคนทำงานมั่นคงสมกับที่ตั้งใจสอนไว้ ต่อมาเป็นการพิมพ์ข้อคิดเกี่ยวกับหลักธรรมะและการปฏิบัติตนในสังคมให้เป็นคนดีและมีประโยชน์ต่อประเทศชาติ"นายประสิทธิ์ ระบุ
อย่างไรก็ตามแนวคิดที่จัดทำหนังสือแจกในงานศพและซีดีนั้นเห็นว่าเวลาไปงานศพของเพื่อนๆ หรือคนที่รู้จักพบว่าด้วยความเสียใจและความเศร้าโศกของลูกหลานและความวุ่นวายในการจัดเตรียมงานหลายด้าน ทำให้การจัดพิมพ์หนังสือได้ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงหรือทำออกมาแล้วอาจไม่ตรงใจคนตายเท่าใด เพราะคนตายตายไปแล้ว ส่วนคนที่ทำก็รู้ข้อมูลดีไม่เท่าคนตายและหนังสือแจกในงานศพหากทำให้ดีถือเป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์ของครอบครัวเช่นกัน
ดังนั้นในเมื่อมนุษย์ต้องตายทุกคน เมื่อมีเวลาจึงควรจัดทำเพื่อเตรียมตัวตายไว้ และเราเองรู้ข้อมูลดีที่สุดอยากจะเขียนอะไร บึกทึกอะไร ก็จัดทำเตรียมไว้ หากตายไปลูกหลายจะได้นำแจกจ่ายหรือไม่เสียเวลาไปรวบรวมข้อมูลเพราะผู้ตายจัดทำข้อมูลหรือเตรียมไว้ให้แล้ว