บรั่นดีดุเดือดไทยเบฟท้ารบชิงเค้กรีเจนซี่

12 กุมภาพันธ์ 2553

 

โพสต์ทูเดย์ ไทยเบฟ ทุ่มพันล้านปั้นเมอริเดียน เขย่าบัลลังก์รีเจนซี่ เจ้าตลาดบรั่นดีค่า 9,000 ล้าน

นายวิโรจน์ จันทรโมลี รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง ผู้ทำตลาดสุราสีและสุราขาว เปิดเผยว่า บริษัทใช้งบลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท ผลิตบรั่นดียี่ห้อเมอริเดียน เพื่อรุกตลาดบรั่นดีมูลค่าราว 9,000 ล้านบาท หรือราว 1.7 ล้านลังต่อปี ที่ปัจจุบันมีรีเจนซี่ทำตลาดเพียงรายเดียว

การตัดสินใจเข้าสู่ตลาดบรั่นดี เนื่องจากพบว่าเป็นตลาดที่เติบโตต่อเนื่อง 510% ทุกปี นอกจากนี้เมอริเดียนยังถือว่าเป็นสินค้าตัวแรกที่รุกตลาดสุราระดับพรีเมียม ตามนโยบายบริษัทที่ต้องการขยับสู่ตลาดพรีเมียมมากขึ้น

มีผู้ทำตลาดหลักๆเพียงรายเดียวคือ รีเจนซี่และมีส่วนแบ่งทางการตลาดเกือบ 100% ซึ่งการผลิตดังกล่าวยังคงใช้โรงงานผลิตสุราที่มีอยู่ โดยบริษัท ยูไนเต็ด ไวน์เนอรี่ แอนด์ ดิสทิลเลอรี่ จำกัด เป็นผู้ดำเนินการผลิตสินค้าดังกล่าวให้เบื้องต้น 170,000 ลังต่อปี โดยมีสินค้า 2 ขนาด คือ 700 มล.ราคาขาย 450 บาท และ 350 มล. ราคา 229 บาท

ทั้งนี้ บริษัทได้เป้าหมายภายใน 5 ปี จะมีส่วนแบ่งตลาดให้ถึง 50% จากปัจจุบันที่รีเจนซี่ครองส่วนแบ่งเกือบ 100% โดยปีแรกจะใช้งบทำตลาด 100 ล้านบาท เพื่อสร้างการรับรู้ในตราสินค้า และจัดกิจกรรมเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง หวังส่วนแบ่ง 10% ปีแรก

นอกจากนี้ ไทยเบฟยังมีระบบและช่องทางจำหน่ายสินค้าที่เข้มแข็งผ่านร้านค้าทั่วไป 350,000 ร้านค้าทั่วประเทศ รวมทั้งห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ที่เป็นพันธมิตรหลักอยู่แล้ว ซึ่งทำให้มั่นใจว่าจะกระจายสินค้าเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด โดยบริษัทจะไม่ใช้กลยุทธ์ขายพ่วงกับสินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายการอื่นแต่อย่างใด

นอกจากนี้ ในช่วงปลายปีจะเริ่มนำเข้าสก๊อตวิสกี้ตัวแรกจากบริษัท อินเวอร์เฮาส์ ดิสทิลเลอร์ส ประเทศสกอตแลนด์เข้ามาทำตลาด เพื่อรุกตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับพรีเมียมมากขึ้น หลังจากซื้อกิจการมา 45 ปีแล้ว โดยจะพัฒนาและนำเข้าสินค้าใหม่อย่างน้อยปีละ 1 รายการ เพื่อเพิ่มสัดส่วนสุราระดับพรีเมียมเป็น 253% ภายใน 5 ปี

พร้อมตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 35% จากปี 25 52 ที่มียอดขายรวม 5.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนสุราขาวและสุราสีเท่ากันที่ 50%นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า หากบริษัทปูฐานตลาดบรั่นดีในประเทศแข็งแกร่งแล้ว คาดว่าภายใน 3 ปีจะเริ่มส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ สอดคล้องกับนโยบายอินเตอร์เนชันแนลไลเซชัน ซึ่งปัจจุบันมีทีทงานที่ทำตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่แล้ว ส่วนการบุกตลาดยุโรปคาดว่าจะใช้บริษัท อินเวอร์เฮ้าส์ฯ เป็นผู้ทำตลาด ปัจจุบันบริษัทส่งออกสุราขาวและสุราสีในสัดส่วนที่น้อย 34% เท่านั้น ผ่านสุราสียี่ห้อหงส์ทอง แสงโสม และในอนาคตจะต้องจับตามองคราวน์ 99 ที่คาดว่าจะมาแรงขึ้น และในปี 2553 บริษัทจะรุกส่งออกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปยังตลาดภูมิภาคมากขึ้น รับนโยบายเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียนหรืออาฟตา โดยมั่นใจว่าจะยังคงปกป้องตลาดในประเทศได้อย่างแข็งแกร่งไม่หวั่นแบนด์จากต่างประเทศเข้ามาตีตลาด เพราะมองว่าการกระจายสินค้าคงทำได้ยากมากเมื่อเทียบกับบริษัท

อย่างไรก็ตาม ในปี 2553 บริษัทจะใช้งบรวมกว่า 500 ล้านบาท เพื่อทำตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กลุ่มสุราขาวและสุราสีทุกแบรนด์ โดยจะให้ความสำคัญกับการปั้นบรั่นดีน้องใหม่เป็นหลัก และภายในสิ้นปีคาดการณ์ยอดขายรวมจะเติบ 35% สอดคล้องกับอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นผู้บริโภคและเกษตกรทั่วไป ทั้งนี้ ปี 2552 บริษัทปิดยอดขายรวมราว 55,000 ล้านบาท สัดส่วนสุราขาวและสุราสีเท่ากันที่ 50%

นายวิโรจน์ กล่าวถึงกรณีที่ผู้ประกอบการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทยและนำเข้าจากต่างประเทศรวม 6 บริษัทก่อตั้งสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อดำเนินกิจกรรมเพ่อสังคมถือเนสิ่งที่ดี และการที่บริษัทไม่เข้าร่วมเนื่องจากมองว่าที่ผ่านมาทำกิจกรรมเพื่อสังคมอยู่แล้วจำนวนมาก ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้สามารถแยกกันหรือรวมกลุ่มกันดำเนินการได้ตามความเหมาะสม

Thailand Web Stat