posttoday

มันนี่ทูเดย์

30 กรกฎาคม 2557

ค้าน พรบ.ควบคุมยาสูบ

ค้าน พรบ.ควบคุมยาสูบ

เมือง จ. เชียงใหม่ (29 ก.ค. 2557) เมื่อเร็วๆ นี้ สมาคมผู้บ่ม ผู้เพาะปลูก และผู้ค้าใบยาสูบเชียงใหม่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสมาคมชาวไร่และผู้บ่มใบยาสูบทั่วประเทศประจำปี 2557 ครั้งที่ 1 ณ โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว จังหวัดเชียงใหม่ โดยผู้เข้าร่วมประชุมจำนวนกว่า 70 คน ประกอบด้วยนายกสมาคมและผู้เกี่ยวข้องจากแปดสมาคมชาวไร่ยาสูบทั่วประเทศ ได้แก่ สมาคมผู้บ่มผู้เพาะปลูกและผู้ค้าใบยาสูบเชียงใหม่ สมาคมผู้บ่มผู้เพาะปลูกและผู้ค้าใบยาสูบลำปาง สมาคมผู้บ่มผู้เพาะปลูกและผู้ค้าใบยาสูบแพร่ สมาคมผู้บ่มผู้เพาะปลูกและผู้ค้าใบยาสูบเชียงรายและพะเยา สมาคมผู้บ่มผู้เพาะปลูกและผู้ค้าใบยาสูบน่าน สมาคมพัฒนาชาวไร่บ่มเองเชียงใหม่

สมาคมชาวไร่ยาสูบเบอร์เลย์สุโขทัย สมาคมชาวไร่ยาสูบเบอร์เลย์เพชรบูรณ์ ซึ่งที่ประชุมได้ประกาศกรอบความร่วมมือในการยกระดับคุณภาพใบยาไทยและปกป้องอาชีพพร้อมมีมติยื่นหนังสือเสนอ คสช. เพื่อยับยั้งร่างกฎหมายควบคุมยาสูบซึ่งไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนในขณะนี้แต่ถูกผลักดันโดยกลุ่มเอ็นจีโอที่พยายามเข้าไปแทรกแซงการทำงานของส่วนราชการ

นายกฤษณ์ ผาทอง นายกสมาคมผู้บ่มผู้เพาะปลูกและผู้ค้าใบยาสูบเชียงใหม่และประธานในที่ประชุม เปิดเผยว่า ทางสมาคมชาวไร่ทั้ง 8 สมาคม จะส่งหนังสือถึงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อขอให้ยับยั้งการออก พ.ร.บ.ควบคุมการบริโภคยาสูบไว้ก่อนจนกว่าจะมีรัฐบาลทีมาจากการเลือกตั้งและสภาผู้แทนราษฎรตามปกติ เพราะถือว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วน และจะขอให้ คสช.และรัฐบาลชุดใหม่ช่วยดูแลปกป้องอาชีพของชาวไร่ยาสูบ ซึ่งเป็นเศรษฐกิจในระดับรากหญ้าและส่งเสริมยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไร่ยาสูบต่อไป

“สมาคมชาวไร่ทั้ง 8 แห่ง ขอคัดค้านร่างกฎหมายฉบับนี้ เพราะกฎหมายนี้มีผลกระทบอุตสาหกรรมยาสูบตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำด้วยเหตุผล 4 ประการ คือ 1) ร่างกฎหมายกระทบต่อชาวไร่ยาสูบกว่า 5.2 หมื่นครอบครัว และร้านค้าปลีกอีกกว่า 56 แสนร้านทั่วประเทศ ซึ่งเป็นเศรษฐกิจรากหญ้า 2) กฎหมายฉบับนี้ยังมีปัญหาขัดแย้งกันอยู่กับทั้งชาวไร่ ร้านค้า ผู้ที่เกี่ยวข้อง และส่วนราชการต่างๆ รวมทั้งกระทรวงการคลังเองก็แสดงความไม่เห็นด้วยกับกฎหมายดังกล่าวในหลายประเด็น 3) กฎหมายดังกล่าวไม่ใช่นโยบาย เร่งด่วนของ คสช. อีกทั้งมีแต่จะสร้างภาระและผลกระทบกับชาวไร่และเศรษฐกิจท้องถิ่น 4) มีความพยายามฉวยโอกาสในช่วงที่ไม่มีสภาผู้แทนราษฎรผลักดันกฎหมายที่มีความสุดโต่งให้ผ่านโดยเร็วโดยไม่ฟังเสียงประชาชน” นายกฤษณ์ กล่าว

นายขจรศักดิ์ เมฆขจร นายกสมาคมพัฒนาชาวไร่ยาสูบบ่มเองเชียงใหม่ กล่าวว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่ได้เป็นวาระเร่งด่วน อีกทั้งยังถูกเสนอโดยกลุ่มนักรณรงค์ต่อต้านที่มีอคติต่อชาวไร่ยาสูบและทำให้เกษตรกรที่ทำมาหากินโดยสุจริตต้องตกเป็นจำเลยสังคมอยู่ตลอดเวลา ซึ่งมองว่าร่างนี้สุดโต่งเกินไป ลิดรอนสิทธิเสรีภาพ และมีผลกระทบหลายด้าน มาตรการต่างๆ เช่น การห้ามทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคมซึ่งกระทบต่อชาวไร่ยาสูบ การช่วยเหลือบรรเทาสาธารณภัยแก่ชาวไร่ยาสูบเมื่อเกิดภัยธรรมชาติ หรือการจำกัดการ ติดต่อระหว่างภาครัฐและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมยาสูบ ประเด็นเหล่านี้แทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะชาวไร่และสมาคมเองต้องติดต่อกับภาครัฐตลอด ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่จากสรรพสามิตและโรงงานยาสูบ

ทั้งนี้ ไทยมีกำลังการผลิตใบยาสูบอยู่ที่ประมาณ 54 ล้านกิโลกรัม/ปี เป็นการผลิตเพื่อส่งขายโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง และส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ ในปี 2555 มีการส่งออกใบยาสูบ 18.7 ล้านตัน นำรายได้เข้าชุมชนท้องถิ่นและประเทศคิดเป็นมูลค่ากว่า 2,300 ล้านบาท

แต่ในขณะนี้ สมาคมชาวไร่ฯ ทั้ง 8 สมาคมฯ กำลังมีความกังวลต่อการพยายามผลักดันร่าง พ.ร.บ. ควบคุมการบริโภคยาสูบจากกลุ่มเอ็นจีโอที่ปรากฏในสื่ออย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มนักรณรงค์อ้างว่าจะเป็นการลดการบริโภคยาสูบได้และจะเร่งเสนอ คสช.ให้พิจารณาเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน