
เปิดเหตุผล TTB จ่ายปันผล ช่วง 0.064-0.067 บาท/หุ้น เคาะอัตราสุดท้าย 4 เม.ย.68
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารมีมติอนุมัติการจ่ายปันผลประจำปี 2567 จำนวน 12,643 ล้านบาท คิดเป็น 60% ของกำไรสุทธิในปี 2567 โดยธนาคารได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตรา 0.065 บาทต่อหุ้น เมื่อเดือน ต.ค.2567 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 6,331 ล้านบาท
ดังนั้น คงเหลือเงินปันผลที่จะจ่ายครั้งที่ 2 ภายใต้วงเงิน 6,312 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นอัตราเงินปันผลต่อหุ้น (Dividend per share) ในเบื้องต้นที่ 0.064-0.067 บาท โดยมีกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD (วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล) ในวันที่ 25 เม.ย.2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสด ในวันที่ 20 พ.ค.2568 รวมเป็นอัตราเงินปันผลของทั้งปี 2567 ที่ประมาณ 0.13 บาท เพิ่มขึ้นราว 24% จากอัตรา 0.105 บาท ในปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ ธนาคารจะแจ้งอัตราเงินปันผลต่อหุ้นที่แน่นอนอีกครั้งในวันที่ 4 เม.ย.2568 เนื่องจากจำนวนหุ้นสามัญที่จะได้รับเงินปันผลของธนาคาร ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 28 เม.ย.2568 อาจมีจำนวนที่เพิ่มขึ้น หรือลดลงจากวันที่ 19 ก.พ.2568 ซึ่งเป็นวันที่คณะกรรมการธนาคารมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผล ซึ่งมีสาเหตุมาจากเหตุการณ์ดังต่อไปนี้
1.การใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนภายใต้ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของธนาคาร ทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1 (TTB-W1) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 31 มี.ค.2568 โดยจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่จะเพิ่มขึ้นจากการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนภายใต้ใบสำคัญแสดงสิทธิ จะมีจำนวนสูงสุดไม่เกิน 407,935,548 หุ้น (การใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนภายใต้ใบสำคัญแสดงสิทธิ)
2.การซื้อหุ้นคืนภายใต้โครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน ซึ่งจะมีจำนวนสูงสุดไม่เกิน 3,500,000,000 หุ้น ซึ่งเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการธนาคาร ครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 28 ม.ค.2568 โดยธนาคารได้กำหนดระยะเวลาการซื้อหุ้นคืนระหว่างวันที่ 3 ก.พ.-1 ส.ค.2568
“การจ่ายเงินปันผลทั้ง 2 ครั้งเทียบเท่ากับอัตราการจ่ายเงินปันผล (Dividend Payout Ratio) ที่ 60% จากกำไรสุทธิในปี 2567 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 55% ในปีก่อนหน้า และคิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล หรือ Dividend Yield ที่ประมาณ 7% ต่อปี เมื่อเทียบกับราคาหุ้น TTB ณ สิ้นปี 2567 ที่ 1.86 บาท โดยรวมแล้วถือว่าเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงเป็นลำดับต้นๆ ในกลุ่มธนาคาร” นายปิติ กล่าว
นายปิติ กล่าวถึงแผนการบริหารส่วนทุน (Capital management) ที่ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องว่า ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการเติบโตสินเชื่ออย่างมีคุณภาพและเน้นย้ำการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุนในทุกด้าน
ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนทางการเงิน ต้นทุนการดำเนินงาน และต้นทุนความเสี่ยง ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ธนาคารสามารถรักษาระดับผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ในประการสำคัญคือสามารถดำรงเงินกองทุนให้อยู่ในระดับสูงมาโดยตลอด สะท้อนได้จากอัตราส่วนเงินกองทุนรวมที่ 19.3% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดไว้ที่ 12.0% อย่างมีนัยสำคัญ
จากฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งจึงทำให้ธนาคารมีความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการส่วนทุนส่วนเกิน (Excess capital) และเป็นที่มาของแผนการบริหารส่วนทุน โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นผ่าน 3 แนวทางสำคัญ ได้แก่
1) การเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผล จากระดับ 30% - 35% ในช่วงก่อนรวมกิจการ มาอยู่ที่ระดับ 50% และ 55% ในช่วงปี 2565-2566 และ 60% ในปี 2567
2) การเพิ่มอัตราส่วนผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) ผ่านโครงการซื้อหุ้นคืนระยะ 3 ปี ภายใต้วงเงิน 21,000 ล้านบาท
3) การสร้างการเติบโตทางธุรกิจจากภายนอก หรือ Inorganic growth โดยธนาคารเตรียมขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อเข้าซื้อหุ้นในบริษัทหลักทรัพย์ธนชาต และอยู่ระหว่างการทำ Due Diligence เพื่อพิจารณาการเข้าซื้อบริษัท ที ลิสซิ่ง โดยเล็งเห็นถึงโอกาสในการต่อยอดและสนับสนุนกลยุทธ์ Ecosystem ของธนาคาร
“ดำเนินการเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของธนาคารในการสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยเราจะยังคงมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบต่อไป เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพควบคู่กับบริหารจัดการส่วนทุนอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป เพื่อให้มั่นใจว่าธนาคารมีความพร้อมสำหรับการขยายตัวทางธุรกิจ และในขณะเดียวกันก็สามารถรักษาระดับการจ่ายเงินปันผลให้อยู่ในระดับสูงได้อย่างยั่งยืน” นายปิติ กล่าว
KTB จ่ายปันผล 1.545 บาท/หุ้น
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2567 ให้แก่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ ในอัตราหุ้นละ 1.6995 บาท และผู้ถือหุ้นสามัญในอัตราหุ้นละ 1.5450 บาท โดยขึ้นเครื่องหมาย XD (วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล) ในวันที่ 16 เม.ย.2568 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 17 เม.ย.2568 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 2 พ.ค.2568