กลุ่มพลังงานเสนอรัฐ! พลิกวิกฤตทรัมป์ ปลดล็อกส่งออก LNG
กลุ่มพลังงานเสนอรัฐ! พลิกวิกฤตทรัมป์ ปลดล็อกส่งออก LNG ลดพื้นที่จัดเก็บเพื่อซื้อจากสหรัฐฯ หนุนสร้าง LNG Hub สู้สิงคโปร์
นายจตุรงค์ วรวิทย์สุรวัฒนา ผู้แทนสถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวในวงเสวนา Roundtable “Trump’s Global Quake : Thailand Survival Strategy จัดโดยกรุงเทพธุรกิจ ฐานเศรษฐกิจ และโพสต์ทูเดย์ วันนี้ (9 เมษายน 2568) ณ โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ โดยระบุว่า
มีคนฝากความหวังไว้มากว่า ‘กลุ่มพลังงาน’ จะใช้เป็นประเด็นเจรจากับสหรัฐได้ ทั้งนี้ เมื่อดูจากสถานการณ์ที่ผ่านมาพบว่า ในปีที่แล้วส่วนของปิโตรเลียม ประเทศไทยได้ซื้อจากสหรัฐฯ กว่า 3,756 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ราว 43 ล้านบาเรล โดยซื้อมากเป็นอันดับที่สองรองจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งโรงงานที่ใช้น้ำมันดิบจากสหรัฐฯ มีจำนวน 2 โรงงานอยู่ในระดับสูงสุดแล้ว หากมีการนำเข้าเพิ่มรัฐจะต้องมีการอุดหนุนเพิ่ม ซึ่งก็ต้องดูว่าคุ้มหรือไม่ รวมไปถึงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ก็คงจะไม่ยอม
นายจตุรงค์มองว่าส่วนที่อาจจะมีความหวังว่าจะสามารถใช้เจรจาได้คือส่วนของ LNG ซึ่งในแต่ละปีไทยมีความต้องการใช้ LNG ราว 10 ล้านตัน โดยเป็นการนำเข้าจากสหรัฐฯ ประมาณ 2 ล้านตัน คิดเป็นอันดับ 3 ของประเทศที่นำเข้า
อย่างไรก็ตามหากจะซื้อเพิ่ม ตนมองว่าในส่วนของ LNG สามารถกระทำได้ แต่ว่าประเทศไทยได้ผูกสัญญากับประเทศต้นทางไปแล้วด้วยสัญญาระยะยาว 10 ปี
“ ประเด็นคือ ท่าเรือที่เราเก็บ LNG มีอยู่ 2 ท่า คือ LMPT และ LMPT2 ที่หนึ่งเก็บได้ 11.5 ล้านตัน อีกที่ 7.5 ล้านตัน รวม 19 ล้านตัน ไทยมีความต้องการใช้อยู่ 10 ล้านตัน หมายความว่าจะมีเก็บ 9 ล้านตัน ส่วนนี้มองว่าสามารถส่งออกไปให้แก่ประเทศในกลุ่ม JKC ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน และ เกาหลีใต้ได้ ซึ่งมีการใช้ไฟในช่วงหน้าหนาวสวนทางกับประเทศไทยที่ใช้ในช่วงหน้าร้อนมากกว่า แต่ว่าติดปัญญาที่นโยบายของรัฐที่ไม่ให้มีการส่งออก ให้เป็นการซื้อมาเก็บไว้เท่านั้น“
สาเหตุที่มีการห้ามส่งออก LNG นั้นเนื่องมาจากเหตุผลด้าน ‘ความมั่นคงทางพลังงาน’ แต่ในมุมมองของกลุ่มพลังงานมองว่าเพียงพอและเกินกว่าความต้องการ
ผู้แทนสถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม มองว่าหากสามารถที่จะปรับนโยบายให้สามารถส่งออกได้ จะทำให้ไทยสามารถซื้อ LNG จากสหรัฐฯเข้ามาแทนได้ในทันที นอกเหนือไปจากสัญญาระยะยาวที่นำเข้าจากประเทศในแถบ Middle East รวมไปในปี 2028 จะมีถังเก็บ LNG เพิ่มอีก 8 ล้านตัน
“ ถ้าหากว่าถังที่เรากำลังจะซื้อมารวมแล้ว จะได้ 20 กว่าล้านตัน ตรงนี้สามารถพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ทำให้ไทยกลายเป็น LNG Hub เป็นท่าและส่งออกแข่งกับสิงคโปร์ได้ ซึ่งเราได้เสนอรัฐบาลไปแล้ว ว่าสามารถช่วยแบบนี้ แต่ต้องปลดล็อกนโยบายต่างๆ ซึ่งรัฐบาลและรับทราบไปแล้ว และอยู่ในส่วนของการปฏิบัติ เพราะในเดือนหน้าจะเดินทางไปกับปลัดฯ เพื่อไปดูแหล่งเก็บแห่งใหม่“
นอกจากนี้ ยังมีการดำเนินการโดยทางกลุ่มปตท. เซ็นต์สัญญานำเข้าอีเทนจำนวนกว่า 4 แสนตัน ซึ่งจะเริ่มในปี พ.ศ.2572 ซึ่งก็จะถูกบรรจุอยู่ในสัญญาที่จะเจรจาด้วย โดยมีการประมาณการณ์ว่าจะสามารถซื้อจากสหรัฐฯ ได้ราว 100 ล้านเหรียญ
ทั้งนี้ ผลกระทบจากการขึ้นภาษีจากนโยบายทรัมป์ ไม่ได้กระทบกับกลุ่มพลังงานโดยตรง แต่ผลกระทบทางอ้อมเป็นสิ่งที่น่ากังวลมากกว่า คือ หากภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ ไม่สามารถส่งออกได้ การใช้พลังงานจะลดลงทุกภาคส่วน ผลกระทบจะตามมาเป็นลูกโซ่ ซึ่งน่าเป็นห่วงมากกว่า.