posttoday

‘สมฤดี ชัยมงคล’ ซีอีโอใหม่ BANPU

26 สิงหาคม 2558

บริษัท บ้านปู (BANPU) บริษัทพลังงานชั้นนำแห่งเอเชีย เพิ่งแต่งตั้ง “สมฤดี ชัยมงคล” วัย 53 ปี

โดย...ประลองยุทธ ผงงอย ภาพ ทวีชัย ธวัชปกรณ์

บริษัท บ้านปู (BANPU) บริษัทพลังงานชั้นนำแห่งเอเชีย เพิ่งแต่งตั้ง “สมฤดี ชัยมงคล” วัย 53 ปี เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(ซีอีโอ) คนใหม่เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาแทน “ชนินท์ ว่องกุศลกิจ” ซีอีโอคนก่อนและผู้ถือหุ้นใหญ่ที่เกษียณอายุงานไปนับเป็นซีอีโอใหม่ในรอบ 32 ปีของบริษัท ซึ่งเท่ากับอายุงานของเธอเช่นกันเพราะเป็นพนักงานรุ่นแรกยุคก่อตั้งบริษัท

เธอจบปริญญาตรี  คณะบัญชี ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ  ด้วยวัย 21 ปี จากนั้นเข้ามาทำงานที่นี่ยุคนั้นบ้านปูยังเป็นองค์กรขนาดเล็กมาก มีพนักงานไม่กี่สิบคนภายใต้การนำทีมของชนินท์ ทำให้มีโอกาสได้ทำงานหลายอย่าง

“ส่วนตัวยึดหลักว่าต้องทำได้ทุกอย่างหรือต้องทำตัวเองให้รอบรู้ จึงผ่านงานทั้งพนักงานต้อนรับ งานข้อมูลฝ่ายบุคคล งานบัญชี แคชเชียร์ อินเทอร์นอล ตรวจสอบ งานวางระบบ จนกระทั่งบริษัทได้ร่วมทุนกับบริษัท BHP Billiton ทำเหมืองแร่ ยักษ์ใหญ่ของออสเตรเลีย ทำให้ได้ทำงานกับบริษัทระดับสากล

บ้านปูอยู่ในช่วงขยายธุรกิจเริ่มมีงานรับเหมาก่อสร้างเปิดเหมืองหน้าดินให้เหมืองแม่เมาะ และเริ่มขยายไปทำโรงไฟฟ้า ทำให้เรียนรู้ในธุรกิจเหล่านี้ทั้งหมดทั้งในด้านเทคโนโลยี ทำแผนด้านกลยุทธ์ รวมถึงมีโอกาสเดินทางติดตามชนินท์ไปสัมผัสศึกษากระบวนการผลิต การบริหารเหมืองในทุกประเทศที่บ้านปูเข้าไปทำธุรกิจ รวมถึงการทำโครงการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ (ไอพีพี) หลายแห่ง อาทิ บริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ ไตรเอนเนอจี้ โรงไฟฟ้าหงสาในลาว ซึ่งแต่ละโครงการมีขนาดใหญ่มูลค่าระหว่าง 1,000-4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จึงมีโอกาสได้สร้างเสริมประสบการณ์ทำงานที่หลากหลาย ทั้งการบริหารงาน การเงิน และพัฒนาโครงการทั้งถ่านหินและโรงไฟฟ้า

 ปี 2543 ที่สมฤดีเป็น “ผู้อำนวยการสายการเงิน” ช่วงนั้นบ้านปูรุกหนักขยายออกไปซื้อและควบรวมกิจการขนาดใหญ่จำนวนมาก เริ่มจากเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย จีน ออสเตรเลีย มองโกเลีย รวมถึงขยายธุรกิจไฟฟ้าไปต่างประเทศ จึงมีโอกาสได้วางกลยุทธ์การเงิน ทรัพยากรบุคคลและวัฒนธรรมองค์กร จัดโครงสร้างให้บริษัทที่ซื้อเข้ามาใหม่ทำงานสอดคล้องกับบ้านปู ถือว่ามีโอกาสได้สัมผัสงานมาครบเกือบทั้งหมด เป็นข้อดีที่ได้ทำงานที่บริษัทเดียวตั้งแต่เริ่มต้นและเติบโตไปพร้อมกับบริษัท

การขึ้นมาเป็นซีอีโอมาจากระบบการสืบทอดตำแหน่งซึ่งเริ่มมาเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว โดยปกติจะมีตัวเก็งแต่ละตำแหน่งมากกว่า 1 คน ตำแหน่งซีอีโอในบางช่วงเวลาอาจมีชื่อเข้ามา 3-4 คน โดยซีอีโอจะเป็นผู้พิจารณาว่าแต่ละคนจำเป็นต้องเสริมเรื่องที่ยังไม่ถนัด จากนั้นคณะกรรมการแผนสืบทอดตำแหน่งจะเป็นผู้ประเมินผลในแต่ละปี จนกระทั่งสุดท้ายเหลือเพียง 1-2 คน เลือกผู้ที่เหมาะสมที่สุดมารับตำแหน่ง ด้านหน้าที่ต่อไปคือการเตรียมสร้างผู้บริหารที่จะสืบทอดตำแหน่งต่อไป

“การทำงานที่บ้านปูถือว่าโชคดีเพราะมีโอกาสได้เรียนรู้ทำงานร่วมกับผู้บริหารหลายท่านที่มีความรู้ เปรียบเหมือนครู โดยเฉพาะอดีตซีอีโอที่เป็นครูมาตลอดช่วงชีวิตการทำงานจนถึงปัจจุบัน

“หลักการของการใช้ชีวิตคือการวางแผนทั้งเรื่องการทำงานและเรื่องบันเทิง รวมถึงการเปิดโลกทัศน์ที่มีความสำคัญทั้งเรื่องวิชาการและไม่วิชาการ ในทุกวันจะแบ่งเวลาช่วงหนึ่งมาพัฒนา
ตัวเอง อยากทำสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อเรียนรู้เพิ่มคุณค่าตัวเองทำเป้าหมายในแต่ละเรื่องให้ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าสิ่งแวดล้อมต่างๆ จะเปลี่ยนไป ไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปยุคไหนจะทำให้เราประสบความสำเร็จได้ตามวางแผนไว้”