SSI UKสรุปก.ย.นี้อยู่หรือไป

22 กันยายน 2558

ได้ข้อสรุปเดือนนี้กรณี SSI UK ว่าจะปิดถาวรหรือขายกิจการหรือไม่

ได้ข้อสรุปเดือนนี้กรณี SSI UK ว่าจะปิดถาวรหรือขายกิจการหรือไม่

นายวิน วิริยประไพกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (SSI) แถลงภายหลังหยุดผลิตเหล็กแท่งแบนชั่วคราวที่โรงงานเอสเอสไอทีไซด์ของธุรกิจโรงถลุงเหล็กของบริษัทย่อยบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี ยูเค (SSI UK) ว่า กลุ่มธนาคารเจ้าหนี้รายใหญ่ที่ให้เงินกู้แก่ SSI UK จะดำเนินการร่วมกันในการจัดทำแผนการปรับปรุงโครงสร้างทางการเงิน และการบริหารจัดการหนี้ของบริษัทให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีเสถียรภาพต่อไป

สำหรับแนวทางออกของการแก้ปัญหาโรงถลุงเหล็กที่อังกฤษ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการหารือกับผู้มีส่วนได้เสียในอังกฤษ ซึ่งมีทั้งการขายกิจการและการปิดโรงงานถาวร คาดว่าจะได้ข้อสรุปในสิ้นเดือนนี้

ขณะที่ยอดหนี้รวมของ SSI ที่มีอยู่กับกลุ่มธนาคารพาณิชย์เจ้าหนี้รายใหญ่ 3 ราย มีมูลค่ารวมประมาณ 5 หมื่นล้านบาท เป็นหนี้ของ SSI และ SSI UK บริษัทละ 50% โดยเป็นหนี้ในส่วนของธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และธนาคารกรุงไทย (KTB) ธนาคารละ 2.2 หมื่นล้านบาท และธนาคารทิสโก้ (TISCO) ประมาณ 4,400 ล้านบาท โดยแต่ละธนาคารได้ทำการกันสำรองเงินสินเชื่อที่ให้แก่ SSI จนครบถ้วนเพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้แล้ว

ส่วนการหยุดผลิตเหล็กแท่งแบนของโรงถลุงเหล็กนั้น เนื่องจาก SSI UK ขาดทุนจากการดำเนินงานมากว่า 3 ปี นับตั้งแต่มีการผลิตจึงตัดสินใจปิดโรงงานที่อังกฤษเพื่อรักษาศักยภาพในการแข่งขันของ SSIโรงงานผลิตเหล็กรีดร้อนในประเทศไทยที่มีความสามารถในการแข่งขันไว้

ดังนั้น กลุ่มธนาคารเจ้าหนี้รายใหญ่ที่ให้เงินกู้แก่ SSI UK ดังกล่าวจึงเรียกให้ SSI UK ชำระหนี้ที่ค้างอยู่ตามเงื่อนไขการกู้เงิน ซึ่งจากฐานะการเงินในปัจจุบันของ SSI UK ไม่สามารถที่จะชำระหนี้ได้ กลุ่มธนาคารเจ้าหนี้รายใหญ่ของ SSI UK จึงขอให้ SSI ร่วมรับผิดชอบในการชำระหนี้ดังกล่าว ในฐานะผู้ค้ำประกันของ SSI UK สำหรับหนี้วงเงินจำนวนประมาณ 790 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 2.8 หมื่นล้านบาท

นายวิน ยืนยันว่า การหยุดผลิตเหล็กแท่งแบนจากโรงถลุงเหล็กดังกล่าวจะไม่กระทบต่อการผลิตเหล็กเกรดพิเศษ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มพิเศษของบริษัท เพราะบริษัทมีเทคโนโลยีการผลิตเข้ามารองรับแล้วเพื่อให้คุณภาพใกล้เคียงกับวัตถุดิบที่ผลิตจากโรงถลุง ประกอบกับสามารถเลือกซัพพลายเออร์ที่เหมาะสมได้

สำหรับปีนี้คาดว่าจะมียอดขายเหล็กแผ่นรีดร้อนราว 1.4 ล้านตันเท่าปีก่อน ขณะที่แนวโน้มราคาเหล็กในปีนี้ลดลงจากปีก่อน 40% โดยราคาเหล็กแท่งแบน ปัจจุบันอยู่ที่ 270 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขณะที่เหล็กแผ่นรีดร้อนอยู่ที่ 410-420 เหรียญสหรัฐ/ตัน ผลจากความต้องการของตลาดโลกที่ลดลง ประกอบกับมีภาวะล้นตลาดของเหล็กจากจีน อย่างไรก็ตามเชื่อว่าภายใน 5 ปีนี้คาดว่าจีนจะปรับโครงสร้างอุตสาห กรรมเหล็กและอุตสาหกรรมที่มีปัญหาที่จะทำให้อุตสาหกรรมเหล็กมีความแข็งแกร่งมากขึ้น

Thailand Web Stat