posttoday

STARK พ่นพิษ ฉุด KBANK-SCB ร่วง หวั่นผิดนัดชำระหนี้

20 เมษายน 2566

ราคาหุ้น KBANK-SCB ร่วง หลัง STARK แจ้งเปลี่ยนกรรมการและผู้บริหารชุดใหม่ ทำให้ต้องเลื่อนส่งงบการเงินปี 65 เสี่ยงต่อผิดนัดชำระหนี้ โบรกฯ คาดหากตั้งสำรองฯ กระทบกำไรปีนี้ KBANK ประมาณ 9.4% และ SCB ประมาณ 5.4%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 เม.ย.) ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ปิดตลาดช่วงเช้า เมื่อเวลา 12.30 น. อยู่ที่ 127.50 บาท ลดลง 3.04% หรือลดลง 4.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 3,733.76 ล้านบาท

ราคาหุ้น บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ปิดตลาดช่วงเช้าเมื่อเวลา12.030 น. อยู่ที่ 99.50 บาท ลดลง 1.00% หรือลดลง1.00บาท มูลค่าซื้อขาย 2,368.19 ล้านบาท 

หลัง บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ กรรมการลาออก 7 คน และแต่งตั้งกรรมการแทน 5 คน รวมทั้งเปลี่ยนผู้บริหารใหม่ทันที มีผลตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.2566 นอกจากนี้ ยังแจ้งขอเลื่อนส่งงบการเงินประจำปี 2565 มีความเสี่ยงต่อสถาบันการเงินที่มีการปล่อยสินเชื่อให้กับ STARK 

บริษัท หลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ระบุว่า จากกรณีข่าว STARK มีเป็นความเสี่ยงต่อ KBANK ประมาณ 5,000 ล้านบาท และ SCB ประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผู้ปล่อยสินเชื่อให้กับ STARK อาจส่งผลให้ต้องตั้งสำรองเพิ่มเติม แต่ไม่น่าถูกตัดเป็นหนี้สูญทั้งจำนวน เนื่องจากเงินกู้บางส่วนอาจถูกนำเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้

โดยผลกระทบ KBANK หลังจากตั้งสำรอง คาดว่าจะกระทบต่อกำไรประมาณ 4,500 ล้านบาท หรือคิดเป็น 9.4% ของประมาณกำไรปี 2566 ส่วน SCB หากตั้งสำรองเต็มจำนวน คาดว่ากระทบต่อกำไรปีนี้ ประมาณ 5.4% อย่างไรก็ตาม คาดว่าการขยายตัวของส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) น่าจะช่วยลดผลกระทบจากการตั้งสำรองเพิ่มกรณีของ STARK ได้