DEXON พุ่ง 9.79% ขานรับตั้งบริษัทย่อยบุกสหรัฐ เพิ่มทุน 2 บริษัทในไทยและยุโรป
ราคาหุ้น DEXON พุ่ง 9.79% ตอบรับทุ่มงบกว่า 33 ล้านบาท จัดตั้งบริษัทย่อยใหม่บุกตลาดสหรัฐ พร้อมเพิ่มทุนบริษัทย่อยอีก 2 แห่ง รวมกว่า 28 ล้านบาท รองรับการขยายธุรกิจตรวจสอบทางวิศวกรรมระบบท่อชั้นสูงในไทย และยุโรป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ DEXON วันนี้ (8 พ.ค.) ระหว่างวันขึ้นไปทำระดับสูงสุดที่ 3.20 บาท และลงไปต่ำสุดที่ 2.90 บาท ก่อนปิดตลาดที่ 3.14 บาท เพิ่มขึ้น 0.28 บาท หรือเพิ่มขึ้น 9.79% มูลค่าซื้อขาย 79.45 ล้านบาท ตอบรับจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่บุกตลาดสหรัฐ และเพิ่มทุน 2 บริษัทย่อย ขยายธุรกิจในไทย-ยุโรป
นางมัลลิกา แก่กล้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ DEXON เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 5 พ.ค.2566 มีมติอนุมัติให้ดำเนินการจัดตั้งบริษัท Dexon Technology USA Inc. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยแห่งใหม่ใหม่
ทั้งนี้ เพื่อวัตถุประสงค์ในการลงทุนในธุรกิจให้บริการตรวจสอบระบบท่อนำส่งด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง และการตรวจสอบเตาหลอม (Furnace) และสร้างนวัตกรรมทางเทคโนโลยีในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 1 ล้านดอลลาร์ (33 ล้านบาท) ซึ่ง DEXON จะเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 100% คิดเป็นมูลค่าการลงทุน 33 ล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทยังได้อนุมัติให้ DEXON ขยายการลงทุนด้วยการเพิ่มทุนในบริษัทเด็กซ์ซอน เมคคานิคอล โซลูชั่นส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในประเทศไทย โดยจะเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกจำนวนไม่เกิน 4 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 1 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ไม่เกิน 5 ล้านบาท และอนุมัติให้เพิ่มทุนในบริษัทเด็กซ์ซอน เทคโนโลยี ยุโรป บีวี ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในประเทศเนเธอร์แลนด์อีกจำนวนไม่เกิน 24.05 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 0.03 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ไม่เกิน 24.08 ล้านบาท
โดยหลังจากการเข้าเพิ่มทุนใน บริษัท เด็กซ์ซอน เมคคานิคอล โซลูชั่นส์ จำกัด และ บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี ยุโรป บีวี แล้ว DEXON จะยังคงถือหุ้นในทั้ง 2 บริษัทในสัดส่วนเดิมที่ 99.99% และ 100% ตามลำดับ
“การขยายการลงทุนในสหรัฐอเมริกาเป็นไปตามแผนงานในการขยายธุรกิจที่เราได้วางไว้ รวมถึงการขยายการลงทุนในไทย และยุโรปด้วยเช่นกัน ซึ่งจะเป็นการขยายฐานลูกค้า และขยายโอกาสในการเข้ารับงาน รวมถึงโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มขึ้นในอนาคต และที่สำคัญจะช่วยให้รายได้ในปีนี้มีโอกาสเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ได้วางไว้” นางมัลลิกา กล่าว