ฟันด์โฟลว์ลุ้นผลเลือกตั้ง-5กลุ่มหุ้นเข้าตา FETCO
FETCO จับตาหลังเลือกตั้ง หากรัฐบาลแข็งแกร่ง-นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจชัดเจน หนุนฟันด์โฟลว์ไหลเข้า ชูหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว-ธนาคาร-เฮลท์แคร์-อาหาร-อสังหาริมทรัพย์น่าสน
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาทุนไทย(FETCO) เปิดเผยว่า ภาพตลาดหุ้นไทยจากนี้อาจต้องรอดูหลังการเลือกตั้ง ทั้งการจัดตั้งรัฐบาลว่าจะมีเสถียรภาพมากน้อยแค่ไหน หากมีความเสถียรภาพไม่มากก็จะมีผลต่อตลาดทุน และหากรัฐบาลมีเสียงค่อนข้างน้อยการจะมีเสถียรภาพอาจจะเป็นไปได้ยาก รวมถึงรัฐบาลจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจชัดเจนมากน้อยแค่ไหน
ทั้งนี้ตลาดทุนไทยอยากเห็นมาตรการกระตุ้นระยะยาวมากกว่าระยะสั้น โดยเน้นสร้างอนาคตของประเทศหรือเพิ่มรายได้ระยะยาว รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไรให้มีการสร้างฐานการผลิต กระตุ้นอุตสาหกรรม 4.0, อุตสาหกรรมรถยนต์, อุตสาหกรรมอาหารก้าวสู่อาหารยุคใหม่, อิเล็กทรอนิกส์, การท่องเที่ยว, ศูนย์กลางทางการแพทย์มีแผนดำเนินการอย่างไร อีกทั้งโครงการกิโยติน ลดอุปสรรคด้านกฎหมายเพื่อช่วยปลดล็อกบริษัทต่างๆให้สามารถลงทุนหรือเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในอนาคต และดึงเม็ดเงินลงทุนต่างๆเข้ามาโดยเมืองไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรม พร้อมกระตุ้นสตาร์ทอัพและ R&D ให้สามารถแข่งขันได้ในอนาคต ซึ่งปัจจัยดังกล่าวข้างต้นจะช่วยกระตุ้นตลาดทุนเติบโตต่อเนื่อง
"ตลาดหุ้นไทยยังมีเสน่ห์แต่ต้องรอดูหลังเลือกตั้งว่ารัฐบาลและนโยบายจะชัดเจนมากน้อยแค่ไหน หากชัดเจน ฟันด์โฟลว์มีโอกาสกลับเข้ามาซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไป"
ส่วนกรณีแบงก์รันในต่างประเทศจะมีผลกระต่อธนาคารในไทยหรือไม่ ยืนยันว่าธนาคารในประเทศไทยค่อนข้างแข็งแกร่งซึ่งสะท้อนภาพจากผลประกอบการในไตรมาส 1/66 ที่ออกมาค่อนข้างดี การบริหารความเสี่ยงค่อนข้างดีจึงไม่น่ากังวล
สำหรับแผนการนำกองทุนรวมระยะยาว(LTF)กลับมาลงทุนอีกครั้งนั้น ตลาดทุนอยู่ระหว่างศึกษาว่นโยบายที่เหมาะสมเพื่อนำไปหารือกับรัฐบาลใหม่ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้คนออมให้มากขึ้น เพราะ 4 ปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่ากองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว(SSF)ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ LTF ที่เคยช่วยสร้างเม็ดเงินเพิ่มมูลค่าการลงทุนในตลาดทุน และสนับสนุนการออมระยะยาวได้ดี
อย่างไรก็ดี การลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ นักลงทุนสามารถโหนกระแสการลงทุน 5 กลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ คือ ท่องเที่ยว, ธนาคาร, เฮลท์แคร์, อาหาร และอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นธีมที่น่าสนใจในปีนี้ ส่วนการลงทุนในต่างประเทศถือเป็นโอกาสที่ดีในการหาจังหวะเข้าสะสม อาทิ กลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวลงแรง เป็นต้น