posttoday

ส่องอนาคต ASW หลังเทกฯ TITLE ลุยอสังหาฯ ภูเก็ตเต็มสูบ

18 กรกฎาคม 2566

ส่องอนาคต ASW หลังเข้าซื้อกิจการ "ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้” รุกอสังหาฯ ภูเก็ต เปิด 9 โครงการใหม่ รับท่องเที่ยวฟื้น-ดีมานด์ซื้อที่อยู่อาศัยของต่างชาติพุ่ง ปักธงบุ๊กรายได้และกำไรของ TITLE เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตามเป้ารายได้ 3 ปี แตะ 10,000 ล้านบาท หนุนแผนรายได้ ASW โตเฉลี่ย 20%

เมืองไทยจุดหมายยอดฮิตสำหรับนักท่องเที่ยว ทำให้แนวโน้มการท่องเที่ยวไทยมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากโควิด-19 คลี่คลาย เห็นได้จากข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาไทย ณ สิ้นเดือน มี.ค.2566 อยู่ที่ 5.63 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 9.42 หมื่นล้านบาท 

โดยเฉพาะ จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นจุดหมายการพักอาศัยระดับโลก มีจำนวนนักท่องเที่ยวมา จ.ภูเก็ต ณ สิ้นเดือน มี.ค.2566 อยู่ที่ 7.49 แสนคน คิดเป็น 12% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาไทย สร้างรายได้กว่า 2.9 หมื่นล้านบาท คิดเป็นกว่า 30% ของรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาไทย โดยนักท่องเที่ยวรัสเซีย เป็นอันดับ 1 ที่มาเที่ยว จ. ภูเก็ต   

จากสถานการณ์การท่องเที่ยวภูเก็ตที่ดีขึ้น ส่งผลให้ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น ประกอบกับข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ REIC เกี่ยวกับสถานการณ์โอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดคนต่างชาติ (แยกรายจังหวัด) ในปี 2565 พบว่า จ.ภูเก็ต มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดคนต่างชาติ เป็นอันดับ 3 จำนวน 637 ยูนิต เพิ่มขึ้น 87% จากปีก่อน คิดเป็นมูลค่ารวม 3,001 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53% จากปีก่อน ปัจจัยเหล่านี้สนับสนุนให้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ จ.ภูเก็ต มีความน่าสนใจมากขึ้น 

โดยล่าสุด คณะกรรมการ บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW อนุมัติให้ บริษัท 39 เอสเตท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ ASW ถือหุ้น 99.99% เข้าลงทุนในหุ้นสามัญของ บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยเป็น 1 ใน 2 บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ใน จ.ภูเก็ต ที่ทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 417,169,500 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 57.79% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ TITLE จากผู้ถือหุ้นเดิม (นายเด่นดนัย หุตะจูฑะ) ในราคาหุ้นละ 2.50 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,042.92 ล้านบาท พร้อมทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมด (Tender Offer) ของ TITLE ในราคา 2.50 บาท 

นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ASW เปิดเผยว่า การเข้าลงทุนใน TITLE เนื่องจาก ASW มีความมั่นใจในศักยภาพการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต หลังจากเมื่อช่วงปลายปี 2565 ASW ได้ผนึกกำลังกับ บริษัท โบทานิก้า ลักซูรี่ ภูเก็ต จำกัด ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการพูลวิลล่าระดับลักชัวรี่ในภูเก็ต ร่วมทุนโครงการ BOTANICA Grand Avenue (โบทานิก้า แกรนด์ อเวนิว) ในสัดส่วน 30% เพื่อพัฒนาให้เป็นพูลวิลล่าระดับลักชัวรี่ที่ดีที่สุดบนหาดบางเทา ซึ่งคาดว่าจะพร้อมเปิดตัวในเดือน ก.ย.2566  

ส่องอนาคต ASW หลังเทกฯ TITLE ลุยอสังหาฯ ภูเก็ตเต็มสูบ

ขณะที่ระยะเวลาในการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมด (Tender Offer) ของ TITLE จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค.-31 ส.ค.2566 คาดว่าจะต้องใช้เงินทุนอีกประมาณ 760 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากเงินกู้จากสถาบันการเงิน และกระบวนการทั้งหมดจะแล้วเสร็จในช่วงต้นเดือน ก.ย.2566 อย่างไรก็ตาม ASW ไม่มีแผนเพิกถอนหุ้น TITLE ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ และได้วางให้ TITLE ขยายตลาดอสังหาริมทรัพย์ในโซนภาคใต้ทั้งหมดตั้งแต่ จ.ระนอง ลงมา 

ทำความรู้จัก TITLE

TITLE เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ใน จ.ภูเก็ต ที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 10 ปี พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทคอนโดมิเนียม ภายใต้แบรนด์ “The Title” ซึ่งแต่ละโครงการตั้งอยู่ในทำเลที่ดีอย่าง หาดในยาง, หาดราไวย์ และหาดบางเทา 

โดยปัจจจุบัน TITLE พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมไปแล้ว 6 โครงการ ซึ่งโครงการที่ 1-5 ปิดการขายและโอนกรรมสิทธิ์แล้ว 100% โครงการที่ 6 ได้แก่ โครงการ THE TITLE V RAWAI ปิดการขายแล้ว 100% และทยอยโอนกรรมสิทธิ์ไปแล้วกว่า 89% 

ส่องอนาคต ASW หลังเทกฯ TITLE ลุยอสังหาฯ ภูเก็ตเต็มสูบ

นอกจากนี้ TITLE ยังมีที่ดินในมืออีกกว่า 80 ไร่ รองรับการพัฒนาโครงการได้ถึง 9 โครงการ รวมมูลค่า 14,050 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2566-2569 ใน 3 ทำเลศักยภาพของภูเก็ต ได้แก่ หาดในยาง 5 โครงการ มูลค่ารวม 4,600 ล้านบาท โดยโครงการแรก อยู่ระหว่างการพัฒนา ได้แก่ THE TITLE HALO 1 NAIYANG มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 79% คาดว่าจะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/2567, หาดบางเทา 3 โครงการ มูลค่ารวม 8,550 ล้านบาท และหาดราไวย์ 1 โครงการ มูลค่า 900 ล้านบาท

ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายรายได้ของ TITLE ในช่วง 3 ปีจากนี้ (ปี 2567-2569) อยู่ที่กว่า 10,000 ล้านบาท โดยปี 2567 มีการเปิดตัวโครงการใหม่ มูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท และจะมีรายได้ 3,000 ล้านบาท, ปี 2568 มีการเปิดตัวโครงการใหม่ มูลค่ารวม 7,000 ล้านบาท และจะมีรายได้ 4,000 ล้านบาท, ปี 2569 มีการเปิดตัวโครงการใหม่ มูลค่ารวม 7,700 ล้านบาท และจะมีรายได้ 5,000 ล้านบาท

ส่องอนาคต ASW หลังเทกฯ TITLE ลุยอสังหาฯ ภูเก็ตเต็มสูบ

ASW ผนึกกำลัง TITLE หนุนโต

นายกรมเชษฐ์ กล่าวว่า การเข้าซื้อหุ้น TITLE จะช่วยให้ ASW สามารถต่อยอด และขยายเข้าสู่ธุรกิจคอนโดมิเนียมในตลาดภูเก็ตได้ทันที ด้วยเงินลงทุนประมาณ 1,800 ล้านบาท แบ่งเป็นซื้อหุ้น 57.79% จากผู้ถือหุ้นเดิม มูลค่า 1,042.92 ล้านบาท และทำ Tender Offer อีกประมาณ 760 ล้านบาท ถูกกว่า ASW ซื้อที่ดินมาพัฒนาเอง ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินกว่า 2,400 ล้านบาท (คำนวณจากราคาที่ดินไร่ละ 30 ล้านบาท จำนวน 80 ไร่)     

นอกจากนี้ เพิ่มศักยภาพ ASW เติบโตอย่างเข้มแข็งจากการขยายตัว ไปในทำเลใหม่ๆ ในตลาดที่หลากหลายเพิ่มขึ้น อีกทั้ง ASW ได้ทีมผู้บริหาร และพนักงานที่มีประสบการณ์ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต รวมไปถึงมีฐานลูกค้า และเข้าใจการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับชาวต่างชาติ

ขณะเดียวกัน การเติบโตด้านการท่องเที่ยว และศักยภาพที่ดินของ TITLE มีโอกาสต่อยอดธุรกิจ ให้ ASW ขยายไปกลุ่ม Hospitality ได้ในอนาคต

ทั้งนี้ จะการรวมงบของ TITLE ที่จะเข้ามาในงบของ ASW ตั้งแต่ไตรมาส 3/2566 เป็นต้นไป (รับรู้รายได้ 100% ส่วนกำไรจะรับรู้ตามสัดส่วนการถือหุ้น) อย่างไรก็ตาม การรวมงบของ TITLE เข้ามาในปี 2566 จะยังไม่มีนัยสำคัญมากนัก เนื่องจากรายได้ของ TITLE ในปี 2566 จะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 450 ล้านบาท เท่านั้น 

ดังนั้น ASW ยังคงเป้าหมายรายได้ในปี 2566 ไว้ที่ 7,200 ล้านบาท และยังคงเป้าหมายยอดขาย (Presale) ไว้ที่ 15,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกมียอดขายแล้ว 7,000 ล้านบาท ส่วนในช่วงครึ่งปีหลัง ASW มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 7 โครงการ จากในช่วงครึ่งปีแรกเปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้ว 7 โครงการ ทำให้ปี 2566 ASW เปิดตัวโครงการใหม่ 14 โครงการ มูลค่ารวม 25,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากแผนเดิมที่มีแผนเปิด 12 โครงการ มูลค่ารวม 22,500 ล้านบาท 

อย่างไรก็ตาม จะเห็นความชัดเจนของการรับรู้รายได้และกำไรของ TITLE เข้ามาตั้งแต่ปี 2567 ประมาณ 3,000 ล้านบาท และจะรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายรายได้ของ TITLE ที่วางไว้ดังกล่าว เสริมให้แผนการเติบโตของรายได้เฉลี่ย 20% ในอนาคตของ ASW แข็งแกร่งขึ้น