อาณาจักรพันล้าน "COCOCO" มะพร้าวพารวยเข้าSET
รู้จัก "COCOCO" มะพร้าวทำเงิน ไอพีโอน้องใหม่มือเก๋า เปิดโรงงานใหญ่แปรรูปมะพร้าวโกยยอดขายกว่า 90 ประเทศทั่วโลก เดินหน้าเข้าตลาดหุ้น พร้อมเทรด ส.ค.นี้ หวังสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ปูฐานอาณาจักรแข็งแกร่ง
"ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา ทุกการก้าวเดินของ "COCOCO" มีแต่การเติบโต เห็นได้จากการขยายโรงงาน ขยายกำลังการผลิต แม้โรงงานอาจจะยังไม่ใช่สมาร์ทเทคโนโลยี 100% แต่เรามี Innovation ในหลายรูปแบบ การก้าวเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯครั้งนี้เพื่อก้าวที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับครอบครัว COCOCO ทุกคน" ดร.วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO กล่าวอย่างภูมิใจ
"COCOCO" ประกอบธุรกิจผลิต-จำหน่ายและส่งออก ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่แปรรูปจากมะพร้าวและผลไม้รายใหญ่ของไทย เช่น กะทิบรรจุกระป๋อง กะทิบรรจุกล่องยูเอชที (UHT) กะทิพาสเจอร์ไรส์ น้ำมะพร้าวบรรจุกระป๋อง น้ำมะพร้าวกล่องยูเอชที (UHT) น้ำมะพร้าวพาสเจอร์ไรส์ ขนมมะพร้าว และอาหารสำเร็จรูป ภายใต้ตราสินค้า Thaicoco, Cocoburi รวมถึงการผลิตสินค้าเพื่อการอุตสาหกรรม
รวมถึงการเป็นผู้ผลิต จัดจำหน่ายสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพจากโปรตีนพืช ในนาม "บริษัท ไทย แพลนท์ เบส ฟู้ด จำกัด (TPF)" และร่วมทุนกับบุคคลภายนอกภายใต้รูปแบบบริษัทร่วมค้า คือ "บริษัท จัสท์ไลค์ แอนด์ มอร์ จำกัด (JLM)" ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชีสและเนยที่ทำจากพืช
จุดเด่น ?
"COCOCO" มีฐานลูกค้าในต่างประเทศ 90 ประเทศทั่วโลก ซึ่งครอบคลุมทุกทวีปทั่วโลก ทั้งในกลุ่มประเทศอเมริกาเหนือและใต้ กลุ่มประเทศยุโรป กลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก กลุ่มประเทศเอเชียใต้ กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง กลุ่มประเทศโอเชียเนีย กลุ่มประเทศแอฟริกา และยังมีฐานลูกค้าในประเทศที่ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมอาหารและเป็นตัวแทนการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ รวมถึงมีแผนการตลาดเพื่อนำผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายในกลุ่มประเทศใหม่ๆ เพื่อเพิ่มยอดขาย รวมทั้ง การขยายสินค้าใหม่เพิ่มเติมในแต่ละประเทศมากขึ้น
โดยสัดส่วนการส่งออกราว 80% อีก 20% เจาะกลุ่มตลาดอุตสาหกรรมในประเทศ คาดปีนี้ เราจะส่งออกน้ำมะพร้าวอันดับ 1 ซึ่งในปี 2565 ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมมะพร้าวหรือกะทิส่งออกสู่ตลาดโลก เราเป็นเบอร์ 1 ของไทยที่ส่งออกกะทิไปสู่ตลาดโลก ขณะที่ส่งออกน้ำมะพร้าวเป็นอันดับ 2 แต่ในปี 2566 คาดว่า "COCOCO" จะส่งออกน้ำมะพร้าวเป็นอันดับ 1
โอกาสการเติบโต
"มะพร้าวน้ำหอม" เป็นพันธุ์เดียวที่มีในประเทศไทย จะเรียกว่ามีพันธุ์เดียวในโลกก็ว่าได้ ซึ่งในตลาดจีนมีความนิยมบริโภคเหมือนทุเรียนที่นิยมบริโภคกันอย่างมาก ดังนั้นโอกาสที่จะเติบโตในจีนจึงค่อนข้างสูงมาก ประกอบกับจีดีพีของประเทศจีนถือว่าโต นั่นจึงเป็นเหตุผลว่านับตั้งแต่ปีนี้และปีหน้าเราจะเน้นเจาะตลาดจีน
ขณะที่การจัดหาวัตถุดิบ ทั้งเนื้อมะพร้าว และน้ำมะพร้าว เป็นต้น เพราะที่ผ่านมาเรามีสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ประกอบการพ่อค้าคนกลางในประเทศ ซึ่งเป็นโรงรับซื้อวัตถุดิบทางการเกษตร ที่คัดมะพร้าวจากชาวสวนมะพร้าวในแต่ละพื้นที่ อีกทั้งเรามีแหล่งวัตถุดิบที่หลากหลายทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อสามารถจัดหาวัตถุดิบเข้าโรงงานเผื่อผลิตเป็นสินค้าได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ จึงไม่มีปัญหาด้านวัตถุดิบและสามารถนำส่งเข้าขบวนการผลิตได้อย่างสม่ำเสมอ
ผลประกอบการของ COCOCO ในช่วง 3 ปี(ปี 63-65)ที่ผ่านมา ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง
ปี 2563 บริษัทมีรายได้ 3,036.33 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 69.46 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 2.29%
ปี 2564 บริษัทมีรายได้ 3,481.71 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 241.88 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 6.95%
ปี 2565 บริษัทมีรายได้ 3,381.16 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 302.22 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 8.94%
ขณะที่ในไตรมาส 1/2565 บริษัทมีรายได้ 839.42 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 61.63 ล้านบาท และ ไตรมาส 1/2566 บริษัทมีรายได้ 859.20 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 66.90 ล้านบาท
ถามว่า ขึ้นค่าแรงกระทบหรือไม่ ?
โรงงานของเราแม้ว่าจะไม่ได้ใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการแบบเต็ม 100% แต่ถือว่าใช้แรงงานคนน้อยมาก ต้นทุนค่าแรงเพียง 5% ของผลการดำเนินงาน ถือว่าน้อยมาก ดังนั้นถ้าค่าแรงขึ้นอีก 1-2% มองว่าไม่ได้รับผลกระทบ
เดินหน้าขยายธุรกิจ
"COCOCO" เข้าตลาดครั้งนี้เพื่อระดมทุนนำเงินไปขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว โดย 1. ซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อผลิตน้ำมะพร้าว ขยายกำลังผลิตน้ำมะพร้าวจากประมาณ 110,000 ตัน/ปี เป็น 218,000 ตัน/ปีในปี67 หลังจากมีคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มเข้ามาต่อเนื่อง โดยเฉพาะฐานลูกค้าจีนที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต รวมถึงขยายคลังสินค้าเพื่อรองรับการจัดเก็บผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าว
2. ซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อขยายประเภทสินค้าในผลิตภัณฑ์ขนมกินเล่นของสุนัขและแมว 3. ซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อขยายประเภทสินค้าไอศกรีม 4. ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินของบริษัทและบริษัทย่อย และ 5. ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ(Working Capital)สำหรับการดำเนินธุรกิจ
ทำไม ? ต้อง "COCOCO"
1. The world is limitless & China is just beginning! โลกที่ไม่จำกัด "COCOCO"ขายไปกว่า 90 ประเทศทั่วโลก ช่วยกระจายความเสี่ยงหากเกิดกรณีตลาดในยุโรปไม่โตเราสามารถขยายไปตลาดจีนได้เป็นต้น ดังนั้นเวลามีตลาดทั่วโลกความเสี่ยงจะน้อย แต่เมื่อไหร่ที่เรามีตลาดขายน้อยนั่นคือความเสี่ยง
"เมื่อก่อนเรารู้ว่าคนจีนดื่มน้ำกะทิ จริงๆดื่มมานานกว่า 10ปี มูลค่าตลาดแสนล้าน แต่น้ำมะพร้าวเพิ่งดื่มช่วงโควิดเพราะความเชื่อที่ว่าดื่มน้ำมะพร้าวแล้วสุขภาพดี หรือดื่มน้ำมะพร้าวคู่ทุเรียน ตลาดจีนจึงค่อนข้างโต แต่การส่งมะพร้าวเป็นลูกๆอายุมันสั้น จัดจำหน่ายยาก ขนส่งยาก เปลี่ยนมาบรรจุขวดจัดส่งง่ายกว่า ถามว่าจีนจะดื่มเป็นแฟชั่นหรือไม่ อย่างที่บอกว่าเขาดื่มมาตลอดและเทรนด์ตลาดน่าจะเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ดื่มน้ำมะพร้าวคู่ทุกเรียน ไม่ได้ฉาบฉวยเป็นแฟชั่นแน่นอน ตลาดโตได้อีกเยอะ"
2. COCONUT The Mega World Health Trend มะพร้าวเป็นเมกะเทรนด์ทั่วโลก เรามีการศึกษาวิจัยนำมะพร้าวมาทำเป็นตัวแทนนม อาทิ นมข้น นมจืด เป็นต้น
3. Natural Monopoly มะพร้าวน้ำหอมของไทยเป็นพันธุ์เดียวในโลก น้ำมะพร้าวในไทยมี 2 แบบ คือ มะพร้าวน้ำหอม และมะพร้าวทำแกง ซึ่งน้ำมะพร้าวของเราจะผสมน้ำหอมเพื่อให้ดื่มง่าย ซึ่งมะพร้าวน้ำหอมไทยห้ามส่งออก เพราะมีพันธุ์เดียวในโลก ดังนั้นสินค้าของเราจึงถือว่าค่อนข้างได้เปรียบเชิงภูมิศาสตร์ อยู่ในแหล่งที่มีมะพร้าวน้ำหอม
4. Economy Of Scale ทุกคนรู้ดีว่าเรามีตลาดทั่วโลกที่ค่อนข้างใหญ่ ทำให้เกิด Economy Of Scale นั่นหมายความว่าพอตลาดใหญ่ทั่วโลกจึงมีกำลังผลิตที่ค่อนข้างสูง ทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำ สะท้อนผลกำไรที่ที่ดี0 ดังนั้นคู่แข่งที่จะสู้เราได้ต้องมีตลาดที่ใหญ่เช่นกัน และการจะมาเป็นคู่แข่งเราถือว่ายาก อาจจะเหนื่อยหน่อย
5. Alternative Investment หมายความว่าเราเป็นทางเลือกที่ได้มากกว่าที่มีอยู่ในตลาดตอนนี้
6. Share Profit Principle ส่วนตัวยึดถือความเอื้อเฟื้อ แบ่งปัน ไม่เอาเปรียบ ถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการมีชีวิต การทำธุรกิจที่ไม่เอารัดเอาเปรียบ
"ส่วนตัวผมไม่เล่นหุ้น ไม่ทำอสังหา ในแต่ละวันทำแต่งาน ในโรงงานเราดูแลพนักงานทุกคนอย่างดีเหมือนครอบครัว เรามีโรงอาหารราคาถูก ขายเพียง 13 บาทเท่านั้น ผมก็ทานอาหารในโรงงาน ชีวิตมีความสุขและเชื่อว่าพนักงานของผมก็มีความสุขเช่นกัน"
เทรด SET ส.ค.นี้
ย้ำอีกครั้ง "COCOCO" เตรียมขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 370 ล้านหุ้น ในเดือน ส.ค.นี้ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) หมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม
ที่สำคัญมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ภายหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท
เดินหน้าโรดโชว์
อย่างไรก็ดี "COCOCO" เตรียมเดินทางไปนำเสนอข้อมูลให้แก่นักลงทุน (โรดโชว์) ใน 5 จังหวัด ดังนี้คือ วันที่ 7 ส.ค. โรดโชว์ จังหวัดราชบุรี , 8 ส.ค. อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา , 9 ส.ค. จังหวัดเชียงใหม่ , 10 ส.ค. จังหวัดขอนแก่น และปิดท้ายโรดโชว์ 16 ส.ค. กรุงเทพมหานคร
"ผมเป็นคนสมถะ ไม่ได้อยากรวย แต่ที่เลือกเข้าตลาดครั้งนี้ เพราะเราต้องการสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน การเข้าตลาดช่วยให้เราหาคนทำงานได้ง่ายขึ้น หาเงินทุนได้ง่ายขึ้น บริษัทมีชื่อเสียงหาผู้ร่วมธุรกิจได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญเป็นการวางรากฐานการเติบโตให้ครอบครัว ลูกหลาน ซึ่งไม่ใช่แค่ครอบครัวของเราเท่านั้น แต่รวมถึงครอบครัวของพนักงานและคู่ค้าทุกคนที่จะเติบโตไปด้วยกัน นั่นคือสิ่งที่มุ่งหวังไว้จึงตัดสินใจเข้าเทรด SET"