SAWAD เข็นหุ้นกู้ 4 ชุดจัดดอกเบี้ย 4.25-5.20%ขาย 12-14 ก.ย.นี้
SAWAD จ่อขายหุ้นกู้ 4 ชุดใหม่ จัดดอกเบี้ย 4.25-5.20% เร่งขยายธุรกิจสินเชื่อรายย่อย หวังโตต่อเนื่องคาดเสนอขาย 12-14 ก.ย.นี้ ผ่าน 10 สถาบันการเงิน
นางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการกลยุทธ์องค์กร บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) กล่าวว่า บริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายงานข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ต่อผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering) ประกอบด้วยหุ้นกู้ทั้งหมด 4 รุ่น
โดยหุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี ดอกเบี้ย [4.25 – 4.40]% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี ดอกเบี้ย [4.70 – 4.90]% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 4 ปี ดอกเบี้ย [4.80 – 5.00]% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 5 ปี ดอกเบี้ย [5.00 – 5.20]% ต่อปี (ซึ่งจะแจ้งอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนให้ผู้ลงทุนทราบภายหลัง) จ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน
โดยคาดว่าจะเสนอขายหุ้นกู้ระหว่างวันที่ 12 – 14 กันยายน 2566 โดยมีอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท และหุ้นกู้ที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 และมีการค้ำประกันเต็มจำนวนโดยบริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 2014 จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ SAWAD ถือหุ้น 99.99% ดำเนินธุรกิจติดตามหนี้สิน ให้บริการสินเชื่อ และนายหน้าประกันวินาศภัยให้กับทาง SAWAD โดยเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้จะนำไปใช้เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจ
ทั้งนี้ หุ้นกู้ทั้ง 4 ชุดจะจัดจำหน่ายผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่าย 10 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โดยหุ้นกู้ทั้ง 4 ชุด จะชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท
นางสาวธิดา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ปี 2566 ของบริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิรวม 1,223 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.41% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,138 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้ดอกเบี้ยราว 3,444 ล้านบาท และรายได้อื่นราว 946 ล้านบาท รวมรายได้อยู่ที่ 4,390 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 59.81% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับการเติบโตทั้งรายได้และกำไร มาจากกลยุทธ์ในการขยายตัวพอร์ตสินเชื่อที่เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง หนุนให้กำไรเพิ่มขึ้น ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2566 มีกำไรสุทธิรวม 2,544 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.74% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,256 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 8,350 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 58.55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่พอร์ตสินเชื่อคงค้างของบริษัท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 อยู่ที่ระดับ 89,297 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตขึ้นหลังจากหยุดการขยายพอร์ตสินเชื่อเนื่องจากสถานการณ์โควิด และเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย บริษัทจึงเดินหน้าขยายพอร์ตสินเชื่อตามเป้าหมาย
ทั้งนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนกับสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้ หากบริษัทฯกำหนดรายละเอียดที่แน่นอนแล้วจะแจ้งให้ผู้ลงทุนทราบอีกครั้ง สำหรับนักลงทุนที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อผ่านสถาบันการเงินที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ครั้งนี้