posttoday

PSP บิ๊กล็อตโผล่ 10 ล้านหุ้น หลังกลุ่มติงธนาธิกุล ขาย 81.9 ล้านหุ้น เทรดวันแรก

09 กันยายน 2566

PSP พบบิ๊กล็อต 2 รายการ 10 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย 10 บาท/หุ้น รวม 100 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากระดาน หลัง 3 ผู้ถือหุ้นใหญ่ “กลุ่มติงธนาธิกุล” ขายบิ๊กล็อต 81.9 ล้านหุ้น ตั้งแต่เทรดวันแรก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (8 ก.ย.) ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้รายงานการซื้อขายผ่านกระดานซื้อขายหลักทรัพย์รายใหญ่ (Big Lot) หุ้น บริษัท พี.เอส.พี.สเปเชียลตี้ส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PSP พบ 2 รายการ จำนวน 10 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย 10.00 บาท/หุ้น รวมมูลค่า 100 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากระดาน 

โดยราคาหุ้น PSP เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2566 ปิดที่ 10.60 บาท ปรับตัวลดลง 2.10 บาท หรือลดลง 16.54% มูลค่าการซื้อขาย 1,461.79 ล้านบาท ระหว่างวันปรับลดลงต่ำสุดที่ 10.60 บาท และปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 13.10 บาท

นายเสกสรร ครองพาณิชย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PSP ระบุว่า กลุ่มครองพาณิชย์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 รายแรก ไม่ได้ขายหุ้นออกมา รวมทั้ง นายเพิ่มศักด์ โกศลพันธุ์ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 4 ไม่ได้ขายหุ้นออกมาเช่นกัน เนื่องจากติดไซเรนด์พีเรียด 1 ปี และยังไม่ทราบว่าเป็นเทขายออกมาจากกลุ่มใด

ทั้งนี้ PSP ประกอบธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์หล่อลื่นแบบครบวงจร โดยเริ่มตั้งแต่กระบวนการจัดหาวัตถุดิบ การออกแบบผลิตภัณฑ์ การผลิตผลิตภัณฑ์ การบรรจุผลิตภัณฑ์ การจัดเก็บและศูนย์กระจายสินค้า การให้บริการจัดการด้านโลจิสติกส์ และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 

โดย PSP เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 30 ส.ค.2566 เป็นวันแรก ในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุตสาหกรรม หมวดธุรกิจวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร ด้วยราคาไอพีโอ 6.20 บาท ปิดเทรดวันแรกที่ 10.00 บาท เพิ่มขึ้น 61.29% จากราคาไอพีโอ ขณะที่ช่วง 7 วันทำการแรก ราคาขึ้นไปสูงสุด 13.90 บาท (5 ก.ย.2566) และราคาต่ำสุดที่ 9.30 บาท (30 ส.ค.2566)

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับแบบรายงานการได้มา/จำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 246-2) พบรายงานการจำหน่ายไป หุ้นของ PSP โดย นายพิริยะ ติงธนาธิกุล, นายพีรัชต์ ติงธนาธิกุล และนายสัมพันธ์ ติงธนาธิกุล เมื่อวันที่ 30 ส.ค.2566 (วันเข้าเทรดวันแรก)

โดยเป็นการขายบิ๊กล็อต คนละ 27.30 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนคนละ 1.95% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ให้กับ นายเสกสรร ครองพาญิชย์, กองทุน บล.อินโนเวสท์เอกซ์, นายเพิ่มศักดิ์ โกศลพันธุ์, นายภัทวัฒน์ เสมอวงษ์, บริษัทเอ็นเตอร์ไพรส์ ทรานสปอร์ตอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด นายสุเมธา ประสานเหลืองวิไล และ นายดิศพงศ์ เตชวัชรา 

จากจำนวนหลักทรัพย์ก่อนการจำหน่ายไป อยู่ที่คนละ 73.50 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนคนละ 5.25% ส่งผลให้จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายไป อยู่ที่คนละ 46.2 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนคนละ 3.30% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ