posttoday

RATCH โรงไฟฟ้าใหม่ดันกำไร 9 เดือนปีนี้แตะ 4,755 ลบ. อีบิทดาโต 11,128 ลบ.

14 พฤศจิกายน 2566

"ชูศรี เกียรติขจรกุล" เอ็มดีใหญ่ RATCH รับทรัพย์โรงไฟฟ้าใหม่หนุนกำไรงวด 9 เดือนแรกปีนี้ แตะ 4,755 ล้านบาท อีบิทดา เติบโต 11,128 ล้านบาท

     นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เปิดเผยว่า ในรอบ 9 เดือนแรกปีนี้ (มกราคม-กันยายน 2566)บริษัทมีรายได้จากกลุ่มธุรกิจผลิตไฟฟ้า จำนวน 39,196 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 96 ของรายได้รวม และรายได้จากธุรกิจนอกภาคผลิตไฟฟ้า (Non-Power) จำนวน 1,585 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4 ของรายได้รวม

     ในงวดนี้รายได้ที่รับรู้จากโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ เป็นจำนวน 4,127 ล้านบาท ได้แก่ โรงไฟฟ้าราช เอ็นเนอร์จี ระยอง 98 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานลมลินคอล์น แก็ป 1&2 และโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติสแนปเปอร์ พอยท์ ในออสเตรเลีย กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 212 เมกะวัตต์ และ 154 เมกะวัตต์ ตามลำดับ 

     อีกทั้งโรงไฟฟ้าพลังน้ำค็อคซาน และซองเกียง 2 ในเวียดนาม กำลังการผลิตตามการถือหุ้น 17.37 เมกะวัตต์ และ 17.10 เมกะวัตต์ ตามลำดับ ซึ่งได้เข้ามาช่วยเสริมหนุนให้ผลประกอบการบริษัทฯ มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น 

     “บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าการลงทุนโครงการใหม่ๆ ที่อยู่ในแผนงาน รวมถึงบริหารสินทรัพย์ และต้นทุนค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาความมั่นคงของรายได้และให้บรรลุเป้าหมาย EBITDA เติบโตถึง 12,000 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทได้ผลักดันการพัฒนาและก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าที่ลงทุนแล้ว ซึ่งมีกำลังการผลิตตามการถือหุ้นรวม 2,918.23 เมกะวัตต์ ให้ก้าวหน้าและแล้วเสร็จเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ตามกำหนด

     ล่าสุดโรงไฟฟ้าพลังงานลมอีโค่วิน ในเวียดนาม กำลังการผลิตตามการถือหุ้น 15.16 เมกะวัตต์ ได้เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าเวียดนามอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพู ได้เริ่มเปิดให้บริการบางส่วน โครงการผลิตชีวมวลอัดแท่ง ในสปป. ลาว กำหนดจะเริ่มการผลิตในปลายปีนี้ สำหรับการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลหรือ ESG ยังคงเดินตามกลยุทธ์ความยั่งยืนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ในปี 2593” นางสาวชูศรี กล่าว

     สำหรับ ผลการดำเนินงานรอบ 9 เดือนแรกของปี 2566 จำแนกรายได้ตามประเภทธุรกิจ ประกอบด้วย รายได้จากโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิล จำนวน 33,609 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 82 ของรายได้รวม รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน จำนวน 5,587 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 14 และรายได้จากธุรกิจ Non-Power จำนวน 1,585 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4  ขณะที่ กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทจำนวน 11,128 ล้านบาท และกำไรสุทธิ จำนวน 4,755 ล้านบาท

      ฐานะการเงินปัจจุบัน (ณ วันที่ 30 กันยายน 2566) บริษัทมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 233,228 ล้านบาท หนี้สินรวม จำนวน 119,947 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 113,281 ล้านบาท สำหรับความมั่นคงและแข็งแกร่งของสถานะการเงินของบริษัทฯ สะท้อนจากอัตราส่วนสภาพคล่อง อยู่ที่ระดับ 1.21 เท่า และหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ระดับ 1.06 เท่า และอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นอยู่ที่ร้อยละ 4.35 ตลอดจนอันดับเครดิตขององค์กรอยู่ในระดับความน่าเชื่อถือแข็งแกร่งจากสถาบันในประเทศ และต่างประเทศ โดย TRIS Ratings ที่ระดับ AA+, Moody’s Ratings ที่ระดับ Baa1 และ S&P Global Ratings ที่ระดับ BBB-