IPO Effect! ส่องรีเทิร์นหุ้นน้องใหม่ พ.ย.66 เข้าเทรดแค่ 3 ตัว-ต่ำจองถ้วนหน้า

จากการสำรวจข้อมูลหุ้นเข้าใหม่ ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2566 (ม.ค.-พ.ย.2566) พบว่า มีหุ้นเข้าใหม่รวมทั้งสิ้นจำนวน 37 บริษัท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนอยู่ที่ 30,000.47 ล้านบาท มูลค่าเสนอขายอยู่ที่ 37,047.16 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO อยู่ที่ 144,000.54 ล้านบาท 

โดยแบ่งเป็นหลักทรัพย์ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวน 18 บริษัท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนอยู่ที่ 20,119.44 ล้านบาท มูลค่าเสนอขายอยู่ที่ 24,559.76 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO อยู่ที่ 96,952.59 ล้านบาท

ขณะที่หลักทรัพย์ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) จำนวน 19 บริษัท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนอยู่ที่ 9,881.02 ล้านบาท มูลค่าเสนอขายอยู่ที่ 12,487.40 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO อยู่ที่ 47,047.95 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์หุ้นไอพีโอในเดือน ต.ค.2566 ที่ผ่านมา ไม่ค่อยสู้ดีนัก โดยมีหุ้นไอพีโอน้องใหม่เข้าเทรด จำนวน 8 บริษัท มีเพียง 2 บริษัทเท่านั้น ที่เปิดเทรดวันแรกเหนือจอง ขณะที่อีก 6 บริษัท เปิดเทรดวันแรกต่ำจอง 

ทั้งนี้ จากสถานการณ์ดังกล่าว ประกอบกับสภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวน ส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังหุ้นไอพีโอในเดือน พ.ย.2566 ที่เตรียมจะเข้าเทรดในเดือน พ.ย.2566 เลื่อนเทรดออกไปถึง 4 บริษัท ทำให้เหลือหุ้นไอพีโอเข้าเทรดในเดือน พ.ย.2566 เพียง 3 บริษัทเท่านั้น และที่มากไปกว่านั้น ทุกตัวปิดเทรดวันแรกต่ำจองทั้งหมด!!         

ดังนั้น “โพสต์ทูเดย์” จะพามาดูหุ้นเข้าใหม่เฉพาะในเดือน พ.ย.2566 ซึ่งมีจำนวน 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ETL, บริษัท เอส.ซี.แอล.มอเตอร์ พาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SCL และ บริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SAFE ว่า ราคาหุ้นปัจจุบัน (1 ธ.ค.) เมื่อเทียบจากราคาไอพีโอ “ผลตอบแทน หรือ รีเทิร์น” เป็นอย่างไรกันบ้าง ราคาหุ้นกลับมายืนเหนือกว่าราคาไอพีโอ หรือราคาหุ้นยังคงต่ำกว่าราคาไอพีโอมากขึ้นไปกว่าวันปิดเทรดวันแรก 

โดยทั้ง 3 บริษัทดังกล่าว คิดเป็นมูลค่าระดมทุนอยู่ที่ 899.43 ล้านบาท มูลค่าเสนอขายอยู่ที่ 2,008.25 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO อยู่ที่ 7,809.50 ล้านบาท

เริ่มกันที่ บริษัท ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ETL ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจหลักให้บริการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน (Cross-Border Transportation Carrier) ระหว่างประเทศไทยและประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฮ่องกง และจีน ที่มีการเชื่อมต่อพรมแดนทางถนนและรางรถไฟ

ETL จดทะเบียนในตลาด SET ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ วันที่ 1 พ.ย.2566 ปิดเทรดวันแรก 1.30 บาท ราคาปรับตัวลดลง 22.62% จากราคา IPO ที่ 1.68 บาท และราคาปิด ณ วันที่ 1 ธ.ค.2566 อยู่ที่ 1.15 บาท ต่ำกว่าราคา IPO ถึง 31.55%

ถัดมา บริษัท เอส.ซี.แอล.มอเตอร์ พาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SCL ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ครบวงจร ครอบคลุมผลิตภัณฑ์อะไหล่มากกว่า 167,000 รายการ ทั้งผลิตภัณฑ์อะไหล่รถยนต์ภายใต้ตราสินค้าของค่ายรถยนต์ต่างๆ เช่น ISUZU, MITSUBISHI, TOYOTA, HONDA, FUSO, FORD, NISSAN และ CHEVROLET

นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นผู้จัดบริษัท เอส.ซี.แอล.มอเตอร์ พาร์ท จำกัด (มหาชน) จำหน่ายอะไหล่ทดแทนที่ได้มาตรฐานของผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ที่ได้รับการยอมรับ เช่น AISIN, KAYABA, EXEDY, DENSO และ TOKICO

SCL จดทะเบียนในตลาด mai ในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุตสาหกรรม วันที่ 1 พ.ย.2566 ปิดเทรดวันแรก 1.37 บาท ราคาปรับตัวลดลง 11.04% จากราคา IPO ที่ 1.54 บาท และราคาปิด ณ วันที่ 1 ธ.ค.2566 อยู่ที่ 1.05 บาท ต่ำกว่าราคา IPO ถึง 31.82% 

สุดท้าย บริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SAFE ประกอบธุรกิจให้บริการด้านการรักษาผู้มีบุตรยากแบบครบวงจรด้วยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ซึ่งได้รับรองมาตรฐานจากสถาบันรับรองคุณภาพคลินิกเด็กหลอดแก้ว (RTAC) เป็นรายแรกในประเทศไทย

SAFE จดทะเบียนในตลาด SET ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดธุรกิจการแพทย์ วันที่ 2 พ.ย.2566 ปิดเทรดวันแรก 17.80 บาท ราคาปรับตัวลดลง 15.24% จากราคา IPO ที่ 21.00 บาท และราคาปิด ณ วันที่ 1 ธ.ค.2566 อยู่ที่ 17.10 บาท ต่ำกว่าราคา IPO ถึง 18.57% 

ปรากฎว่าปัจจุบันทั้ง 3 บริษัท ได้แก่ ETL, SCL และ SAFE ยังมีผลตอบแทนเป็นลบ หรือราคาต่ำกว่าราคา IPO เรียกได้ว่ายังไม่โผล่พ้นน้ำ!!