หุ้นไทยไร้ทิศ ลุ้นประชุมเฟดส่งซิกหั่น ดบ.-จับตาการเมืองไทย

ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดการซื้อขายวันนี้(30 ม.ค.2567) อยู่ที่ 1,373.14 จุด ลดลง 3.14 จุด คิดเป็น -0.23% มูลค่าการซื้อขาย 42,491.74 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,378.34 จุด และลดลงต่ำสุด 1,370.70 จุด

5 หุ้นซื้อขายสูงสุด ดังนี้

      1. PTTEP ปิดที่ 146.50 บาท ลดลง 3 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,596.66 ลบ.

      2. PTT ปิดที่ 34 บาท ลดลง 0.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,201.72 ลบ.

      3. BJC ปิดที่ 23.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,173.41 ลบ.

      4. TRUE ปิดที่ 5.90 บาท ลดลง 0.05 บาท มูลค่าการซื้อขาย 979.85 ลบ.

      5. KTB ปิดที่ 16.10 บาท ลดลง 0.20 บาท มูลค่าการซื้อขาย 961.38 ลบ.

     นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยทางเทคนิค บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(FED)ในคืนวันที่ 31 ม.ค.นี้ ซึ่งจะมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจในคืนนี้ที่น่าติดตาม ทั้ง ดัชนี ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯเดือนมกราคมคาดปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 114.5 จุด จากเดือนธันวาคมที่ 110.7 จุด ซึ่งจะเป็นจุดสูงสุดในรอบ 2 ปี

     นอกจากนี้ คืนนี้ติดตามการรายงานตัวเลขไตรมาส 4/66 GDP ของยูโรโซน โดยตลาดคาดขยายตัว +0.1%y-y แต่ หดตัว -0.1%q-q ถือเป็นตัวเลขสำคัญที่บ่งชี้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป

     ส่วนหุ้นไทยวันนี้ทางเทคนิคยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง สัญญาณเป็นลักษณะการแกว่งออกข้าง ภาพยังไม่ชัดเจน รอผ่านด่าน 1382 จุด เพื่อยืนยันการฟื้นตัวกลับ หากผ่านไม่ได้โอกาสลงไปทดสอบ 1355 จุด อาจต้องระมัดระวัง 

     ดังนั้นดัชนีต้องผ่าน 1382 จุดให้ได้ถึงจะยืนยันสัญญาณบวก ถ้าผ่านได้สำเร็จหวังทดสอบ 1400 / 1435 จุด ดังนั้นคงแนะนำเก็งกำไรรอบสั้น โดย Stop loss หากหลุด 1365 จุด

เกาะติดการเมืองไทย

     ฝ่ายวิจัย บล. เอเซีย พลัส ระบุว่า หลากหลายข้อสนับสนุนเรียกร้องให้ ธปท. ลดดอกเบี้ย หลังเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณชะลอตัวจากการบริโภค-การลงทุน ซึ่งล่าสุด สศค. เผยอัตราการเติบ GDP ปี 66 โตเพียง 1.8% ซึ่งต่ำกว่า Bloomberg คาดโต 2.5% และ ธปท. คาด 2.4% ขณะที่เงินเฟ้อเดือน ธ.ค. ลดลง -0.83% ทำให้ดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ในระดับสูง 3.33% อย่างไรก็ตามรอบการประชุม กนง. วันที่ 7 ก.พ.นี้น่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่เดิม 2.50%

     ส่วนแนวโน้มดอกเบี้ยโลกอยู่ในระยะทรงถึงลง โดยวันที่ 25 ม.ค.67 ทาง ECB คงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.5% และ 31 ม.ค.นี้ FED น่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่5.5% ไม่มี Surprise ตลาด และ BOE 1 ก.พ. คาดคงที่ 5.25% กลุ่มได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยปรับลง เน้นกลุ่มไฟแนนซ์ MTC SAWAD TIDLOR และกลุ่มโรงไฟฟ้า GULF BGRIM GPSC 

     อย่างไรก็ดี พรุ่งนี้(31 ม.ค.67)จับตาศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัย พิธา-ก้าวไกล ปมเสนอยกเลิก ม.112 ว่าจะถือเป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่ โดยมองแนวรับ 1367 จุด แนวต้าน 1382 จุด

ไม่ไปไหน ไร้ทิศทาง

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า มุมมองทางเทคนิค SET Index ภาพรายชั่วโมง ดัชนีแกว่งตัวออกข้างแคบๆ รอบเส้น EMA50 โดยตัดสลับขึ้นลงไปมา สะท้อนภาวะไร้แนวโน้มและโมเมนตัมอ่อนแรง เช่นเดียวกับ MACD และ RSI ที่ไถเรียบๆ ออกด้านข้าง คาดว่าดัชนีจะเลือกทางอีกครั้งหาก Breakout กรอบ Sideways 1370 - 1385 จุด

     กลยุทธ์การลงทุนวันพรุ่งนี้(31 ม.ค.67) ฝ่ายแนะนำหากรับความเสี่ยงได้ให้เก็งกำไรระยะสั้น โดยซื้อที่แนวรับ 1365 / 1370 จุด และขายที่แนวต้าน 1385 / 1390 จุด เนื่องจากภาพรวมยังไร้แนวโน้มที่ชัดเจน

     หุ้น SISB มุมมองทางเทคนิค ภาพรายวัน ราคาพักตัวไม่หลุดแนวรับ EMA20-EMA50 ก่อนจะยกตัวทำ High สูงขึ้น จ่อไปทดสอบแนวต้าน High ก่อนหน้าที่ 38.00 บาท หลังจาก MACD ตัดขึ้นเหนือเส้น Signal ในแดนบวก และ RSI ยังอยู่ในฝั่ง Bullish

     ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Buy on Breakout ที่ 36.50 บาท แนวต้าน 38 / 39 บาท STOP LOSS หากต่ำกว่า 36 บาท

     หุ้น PIN มุมมองทางเทคนิค ภาพรายวัน เกิดแท่งเทียน Doji ที่แนวรับ EMA50 แล้วแท่งถัดมาปิดทำ High สูงกว่า High แท่งเดิม ส่งสัญญาณกลับตัว ขณะที่ RSI ยังอยู่ในรอบขาขึ้น โดยเริ่มใกล้พักตัวจบ หากกลับไปเหนือ 50 ได้ น่าจะเกิดการ Swing High ไปทดสอบแนวต้าน 5 บาท

     ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Buy on Dip ที่ 4.70 บาท แนวต้าน 5 / 5.40 บาท STOP LOSS หากต่ำกว่า 4.60 บาท

     หุ้น KLINIQ มุมมองทางเทคนิคภาพรายวัน ราคาพักตัวและสร้างฐานที่แนวรับประมาณ 39.50 บาทได้แล้วเริ่มที่จะยืนได้ด้าน RSI เลี้ยงตัวอยู่โซนบนตลอด ไม่ลงมาแตะโซน Oversold นั่นคือแนวโน้มขาขึ้นยังอยู่ หาก MACD กลับมายืนเหนือเส้นศูนย์น่าจะรีบาวด์ มีโอกาสไปทดสอบแนวต้านที่ 42 - 45 บาท

     ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Buy on Dip ที่ 39.50 บาท แนวต้าน 42 / 45 บาท STOP LOSS หากต่ำกว่า 38.50 บาท