ไม่รอด! CREDIT เปิดเทรดวันแรก 27.50 บาท ต่ำจอง 5.17%
CREDIT หุ้นไอพีโอแบงก์ ในรอบ 10 ปี เปิดเทรด SET วันแรก 27.50 บาท ลดลง 5.17% จากราคาไอพีโอ 29 บาท นำเงินระดมทุนไปใช้เสริมสร้างความแข็งแกร่งของเงินกองทุน ปรับปรุงและพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) หรือ CREDIT เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันนี้ (9 ก.พ.2567) เป็นวันแรก ในกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน หมวดธุรกิจธนาคาร โดยเปิดที่ราคา 27.บาท ปรับลดลง 1.50 บาท หรือคิดเป็นลดลง 5.17% จากราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 29.00 บาท
ทั้งนี้ CREDIT ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ที่มุ่งเน้นการให้บริการสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการรายย่อยและลูกค้าบุคคล โดยผลิตภัณฑ์สินเชื่อหลักที่ให้บริการ ได้แก่ สินเชื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี (Micro SME) สินเชื่อนาโนและไมโครเครดิตเพื่อคนค้าขาย (Nano and Micro Finance) และสินเชื่อบ้านที่ให้แก่ลูกค้าบุคคล
CREDIT เสนอราคาขาย IPO ที่ 29.00 บาท/หุ้น จำนวนไม่เกิน 347,029,122 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 28.2% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วย (1) หุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 64,705,890 หุ้น (2) หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย OCA Investment Holdings I Pte. Ltd. จำนวนไม่เกิน 282,323,232 หุ้น
โดยธนาคารมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นที่เป็นไปตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย และตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด ทั้งนี้ คณะกรรมการของธนาคารพิจารณากำหนดการจ่ายเงินปันผลโดยจะพิจารณาความสามารถในการจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามกฎหมายและตามที่ธนาคารฯ กำหนดไว้ในแต่ละปี
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคาร ครั้งที่ 2/2566 เมื่อวันที่ 22 ก.พ.2566 ได้อนุมัติในหลักการเกี่ยวกับอัตราในการพิจารณาจ่ายเงินปันผลในช่วงปี 2567-2570 คาดว่าจะอยู่ในช่วงอัตราประมาณ 5-20% ของกำไรสุทธิในแต่ละปี
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้
1.เสริมสร้างความแข็งแกร่งของเงินกองทุนของธนาคาร เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำหรับการขยายพอร์ตสินเชื่อ
2.ปรับปรุงและพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล (Digital Transformation) และโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Security and Infrastructure)
ทางด้านผลการดำเนินงานในปี 2563-2565 บริษัทมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ อยู่ที่ 6,370.9 ล้านบาท 8,493.6 ล้านบาท และ 11,052.3 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 1,372.9 ล้านบาท 1,935.0 ล้านบาท และ 2,352.5 ล้านบาท ตามลำดับ
ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรก ปี 2566 บริษัทมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ อยู่ที่ 9,783.8ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 2,816.7 ล้านบาท