เทียบฟอร์มไอพีโอน้องใหม่ “BKGI” กับธุรกิจการแพทย์ในตลาดหุ้นไทย
รู้จักหุ้นไอพีโอน้องใหม่ตัวแรกของเดือน มี.ค.67 “แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น หรือ BKGI” หุ้นธุรกิจเทคโนโลยีไบโอเทครายแรกของไทย แตกต่าง และและคล้ายคลึงกันบางส่วนอย่างไร เทียบธุรกิจการแพทย์ในตลาดหุ้นไทย ก่อนดีเดย์เทรด SET วันที่ 20 มี.ค.67
บริษัท แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BKGI หุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) น้องใหม่ล่าสุดที่กำลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นตัวแรกในเดือน มี.ค.นี้
โดย บริษัท แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BKGI ประกอบกิจการห้องปฏิบัติการ และให้บริการตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์ โดยบริการหลัก คือ การตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์ (NIPT) ภายใต้แบรนด์ NIFTY กำหนดเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรก ในวันที่ 20 มี.ค.2567
หลังจาก BKGI ประสบความสำเร็จปิดการเสนอขายหุ้น IPO เต็มจำนวน 160 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 26.67% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลัง IPO ในราคาหุ้นละ 1.63 บาท เมื่อวันที่ 12-14 มี.ค.2567 ที่ผ่านมา โดยสามารถระดมทุนได้ทั้งสิ้น 260.80 ล้านบาท
ทั้งนี้ ภาพรวมการประกอบธุรกิจ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ประกอบด้วย
1. ธุรกิจการให้บริการตรวจคัดกรองและวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1) การตรวจคัดกรองความผิดปกติทางพันธุกรรมด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ 2) การตรวจวิเคราะห์กลุ่มโรคติดเชื้อ เช่น การตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อก่อโรคโควิด-19 และการตรวจภูมิคุ้มกัน 3) การตรวจคัดกรองอื่นๆ ได้แก่ การตรวจคัดกรองกลุ่มยีนที่มีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็ง และการตรวจคัดกรองโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมอื่นๆ และ 4) การให้บริการงานด้านเทคโนโลยี
2. ธุรกิจการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น ชุดอุปกรณ์สำหรับการเก็บสิ่งส่งตรวจน้ำยาตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด-19 และน้ำยาตรวจภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโควิด-19 และชุดอุปกรณ์สำหรับตรวจความผิดปกติทางพันธุกรรมแบบครบวงจร เป็นต้น รวมทั้งในอนาคต จะมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ให้กับลูกค้าที่ใช้บริการถอดรหัสทางพันธุกรรมเฉพาะบุคคลอย่างละเอียด ตามคำแนะนำของแพทย์
สำหรับเป้าหมายของการเข้ามาระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว โดยเฉพาะแผนการขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์จีโนมิกส์ (Genomics) และด้วยการสนับสนุนของกลุ่ม BGI ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ จะยิ่งเพิ่มศักยภาพของบริษัทช่วยสนับสนุนผลงานเติบโตอย่างก้าวกระโดด และเพิ่มความสามารถในการทำกำไรได้มากขึ้น สอดรับธุรกิจเมกะเทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมสูงในยุคปัจจุบัน
ขณะเดียวกัน ผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2564-2566) บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 380.04 ล้านบาท 320.07 ล้านบาท และ 247.34 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 105.66 ล้านบาท 75.11 ล้านบาท และ32.14 ล้านบาท ตามลำดับ
ด้านนโยบายการให้ผลตอบแทนกับผู้ถือหุ้นในแง่ของการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ในแต่ละปี ภายหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย
ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูล พบว่า มีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจบางส่วนที่คล้ายคลึงกับธุรกิจของ BKGI จำนวน 4 บริษัทแบ่งเป็น ธุรกิจที่ให้บริการด้านการแพทย์ ได้แก่ บริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SAFE, บริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GFC และธุรกิจที่จำหน่ายอุปกรณ์การแพทย์ ได้แก่ บริษัท วินเนอร์ยี่ เมดิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ WINMED, บริษัท เซนต์เมด จำกัด (มหาชน) หรือ SMD
ขณะที่ BKGI เป็นหุ้นธุรกิจเทคโนโลยีไบโอเทครายแรกของไทย ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีในการถอดรหัสพันธุกรรม ที่เรียกว่า Next-Generation Sequencing จากกลุ่ม BGI ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ซึ่งเป็นผู้นำด้านการผู้นำด้านการวิจัยและการใช้เทคโนโลยีทางพันธุศาสตร์ระดับโลก มาใช้ในการให้บริการ ทำให้ผลการวิเคราะห์ต่างๆ ของบริษัทมีความแม่นยำสูง
ดังนั้น “โพสต์ทูเดย์” จะพามาเปรียบเทียบระหว่าง BKGI กับอีก 4 บริษัท ได้แก่ SAFE, GFC, WINMEDและ SMD ว่าลักษณะธุรกิจมีความแตกต่างและคล้ายคลึงกันบางส่วนอย่างไร รวมไปถึง Market Cap, P/E, รายได้และกำไรสุทธิปี 2566
บริษัท แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BKGI
ลักษณะธุรกิจ : ประกอบกิจการห้องปฏิบัติการ และให้บริการตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์ โดยบริการหลัก คือ การตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์ (NIPT) ภายใต้แบรนด์ NIFTY
ตลาดรอง : SET
Market Cap (มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO) : 978 ล้านบาท
P/E : 30.43 เท่า (24 พ.ย.2566-23 ก.พ.2567)
รายได้ปี 2566 : 247.34 ล้านบาท
กำไรปี 2566 : 32.14 ล้านบาท
บริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SAFE
ลักษณะธุรกิจ : ให้บริการด้านการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ตั้งแต่ให้คำแนะนำและคำปรึกษาตลอดจนติดตามผลการปฏิบัติการโดยผู้ดูแลลูกค้าส่วนบุคคล (personal assistant) ที่จะช่วยให้ผู้ที่ประสบปัญหามีบุตรยากมีบุตรตามความประสงค์และเติมเต็มครอบครัวโดยใช้เทคโนโลยีที่นำสมัยมีมาตรฐานและความปลอดภัย
ตลาดรอง : SET
Market Cap : 6,078.96 ล้านบาท (ณ 13 มี.ค.2567)
P/E : 31.65 เท่า (24 พ.ย.2566-23 ก.พ.2567)
รายได้ปี 2566 : 856.96 ล้านบาท
กำไรปี 2566 : 201.83 ล้านบาท
บริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GFC
ลักษณะธุรกิจ : ให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีปัญหามีบุตรยากแบบครบวงจร
ตลาดรอง : mai
Market Cap : 2,376 ล้านบาท (ณ 13 มี.ค.2567)
P/E : 33.77 เท่า (24 พ.ย.2566-23 ก.พ.2567)
รายได้ปี 2566 : 355.76 ล้านบาท
กำไรปี 2566 : 77.49 ล้านบาท
บริษัท วินเนอร์ยี่ เมดิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ WINMED
ลักษณะธุรกิจ : เป็นผู้นำเข้า และจำหน่ายเครื่อง และชุดอุปกรณ์ สำหรับการเก็บ การตรวจวิเคราะห์ วินิจฉัย และการบำบัดรักษาทางการแพทย์
ตลาดรอง : mai
Market Cap : 1,144 ล้านบาท (ณ 13 มี.ค.2567)
P/E : 31.58 เท่า (24 พ.ย.2566-23 ก.พ.2567)
รายได้ปี 2566 : 649.42 ล้านบาท
กำไรปี 2566 : 30.64 ล้านบาท
บริษัท เซนต์เมด จำกัด (มหาชน) หรือ SMD
ลักษณะธุรกิจ : ตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยนำเข้าจากผู้ผลิตต่างประเทศ เพื่อจัดจำหน่ายให้แก่สถานพยาบาลในประเทศและบุคคลทั่วไป
ตลาดรอง : mai
Market Cap : 1,539.08 ล้านบาท (ณ 13 มี.ค.2567)
P/E : 28.85 เท่า (24 พ.ย.2566-23 ก.พ.2567)
รายได้ปี 2566 : 833.83 ล้านบาท
กำไรปี 2566 : 79.24 ล้านบาท