พอร์ตเศรษฐีหุ้น "สารัชถ์" ไตรมาส 1/67 สร้างความมั่งคั่งแค่ไหน ?
เศรษฐีหุ้นไทย "สารัชถ์ รัตนาวะดี" มั่งคั่งจากการถือหุ้นทางตรงและทางอ้อม "GULF - ITC - ROCTEC - INTUCH - ADVANC - THCOM" มหาศาล โชว์กำไรในไตรมาส 1/2567 แข็งแกร่ง แนวโน้มไตรมาส 2/2567 เติบโตต่อเนื่อง รับทรัพย์ปันผลปี 2566 มากกว่า 3,700 ล้านบาท
"สารัชถ์ รัตนาวะดี" แชมป์เศรษฐีหุ้นไทย 6 ปีซ้อน นับตั้งแต่ พ.ศ. 2562 - 2567 เจ้าของธุรกิจพลังงานที่ยิ่งใหญ่ "บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF" ที่พิเศษ คือ ในปี 2567 "สารัชถ์" ขึ้นมาติดอันดับ 3 เศรษฐีประเทศไทย มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 10,700 ล้านดอลลาร์ หรือราว 392,262 ล้านบาท คำนวณมูลค่าทรัพย์สินสุทธิจากราคาหุ้นและอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 10 พฤษภาคม 2567 ที่ 36.66 บาทต่อดอลลาร์ จากปีที่ผ่านมา "สารัชถ์" ติดอันดับ 5 เศรษฐีไทย มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1.13 หมื่นล้านเหรียญ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 3.94 แสนล้านบาท จัดอันดับโดยเว็บไซต์นิตยสารฟอร์บส
จากการสำรวจความมั่งคั่ง หลังจากบริษัทจดทะเบียนในพอร์ตของ "สารัชถ์" ทั้งที่ถือหุ้นทางตรงและทางอ้อมผ่าน พบว่า GULF, ITC, INTUCH, ADVANC, THCOM ประกาศกำไรไตรมาส 1/2567 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบ YoY
ทั้งนี้หากคำนวณจากจำนวนหุ้นที่ถือทางตรง ทั้ง GULF , ITC , ROCTEC คูณราคาหุ้น ณ วันที่ 10 พ.ค.67 พบว่ามูลค่าความมั่งคั่งรวมทั้ง 3 บริษัท แตะระดับ 174,870,509,541.5 บาท
ด้านเงินปันผล รับเต็มๆเช่นกัน เพราะในพ.ศ.2566 หุ้น GULF จ่ายปันผล 0.88 บาทต่อหุ้น ขณะที่ ITC จ่ายปีละ 2 ครั้ง รวม 0.60 บาทต่อหุ้น นั่นหมายความว่าในปีที่ผ่านมา "สารัชถ์" ได้รับเงินปันผลรวมทั้งสิ้นจำนวน 3,709,932,809.36 บาท เรียกได้ว่าเงินปันผลที่ได้รับจาก GULF สร้างความมั่งคั่งอย่างมหาศาล
ทั้งหมดนั้น ยังไม่นับรวมหุ้นที่ถือทางอ้อมในโฮลดิ้งและบริษัทในเครือที่มีการขยายธุรกิจ Digital Asset ที่ทำร่วมกับไบแนนซ์ นั่นก็คือ "บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด" และก้าวสู่ ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank)
เส้นทางธุรกิจทั้งหมดนี้ของ GULF หากเกิดขึ้นจริงในอนาคตจะช่วยให้ธุรกิจทั้งระบบสามารถเดินเครื่องแบบครบวงจรได้เลย เพราะมีทั้งโรงไฟฟ้ารองรับการใช้ไฟที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวกับดาต้าเซ็นเตอร์ที่ปริมาณใช้ไฟค่อนข้างมาก หรือแม้กระทั่งงานวางระบบ ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค เรียกได้ว่าแทบไม่ต้องพึ่งพาระบบจากแหล่งอื่นๆ
ภาพด้านบน เป็นเพียงบริษัทในเบื้องต้นเท่านั้น เพราะ GULF ได้เข้าลงทุนในบริษัทอื่นๆอีกมากมายเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต อาทิ บริษัท กัลฟ์ เอ็นจิเนียริ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด ถือ 100% จำนวน 999,998 หุ้น / บริษัท กัลฟ์ แอลเอ็นจี จำกัด ถือ 100% จำนวน 4,999,998 หุ้น / บริษัท กัลฟ์ แอดไวเซอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด ถือ 100% จำนวน 99,998 หุ้น / บริษัท กัลฟ์ ไฮโดรเพาเวอร์ จำกัด ถือ 100% จำนวน 159,444,398 หุ้น / บริษัท กัลฟ์ ปัตตานี กรีน จำกัด ถือ 100% จำนวน 99,997 หุ้น และ บริษัท กัลฟ์ รีนิวเอเบิล เอ็นเนอร์จี จำกัด ถือ 100% จำนวน 1,181,174,998 หุ้น เป็นต้น
อย่างไรก็ดี จากการสแกนมุมมองนักวิเคราะห์เกี่ยวกับประมาณการไตรมาส 2/2567 หุ้นในพอร์ตของ "สารัชถ์" ว่าจะดีกว่า หรือ แย่กว่า เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567 ในเบื้องต้นมีรายละเอียดดังนี้
"GULF" ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส แนวโน้มช่วงสั้นงวด 2Q67 คาดกำไรปกติจะเติบโตทำระดับสูงสุดใหม่รายไตรมาสเป็นประวัติการณ์ หนุนจากการรับรู้โครงการโรงไฟฟ้าหินกอง phase 1 กำลังการผลิต 377.3 MWe (COD 1 มี.ค. 2567) ได้เต็มที่ทั้งไตรมาส อีกทั้งจะเริ่มรับรู้โครงการ GPD phase 3 463.8 MWe (COD 1 เม.ย. 2567) ได้ในไตรมาสแรก ประกอบกับต้นทุนก๊าซเฉลี่ยในงวด 2Q67 ที่คาดจะปรับตัวลดลง QoQ ขณะที่ค่า Ft ในงวดเดือน พ.ค.-ส.ค. 2567 ยังสามารถตรึงไว้ได้ในระดับเดิม หนุให้อัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ปรับตัวดีขึ้น QoQ ถึงแม้คาดว่าจะมีแรงกดดันบางส่วนจากกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานลมทั้งในประเทศไทย และเยอรมนีที่อ่อนตัวลงตามช่วงฤดูกาลก็ตาม
"INTUCH" แม้กำไรในงวด 1Q67 ที่ออกมามีสัดส่วนราว 28% ของคาดการณ์กำไรทั้งปี แต่เชื่อว่า Upside ของกำไรโดยรวมทั้งปีน่าจะไม่มาก (ราว 2% - 3%) เนื่องจากคาดส่วนแบ่งกำไรจาก ADVANC ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทน่าจะชะลอลงใน 2Q67ที่เป็นช่วง Low season ของธุรกิจ ทำให้บล.เอเซียพลัสยังคงประมาณการกำไรปกติสำหรับปี 2567-2568 ไว้ตามเดิมที่ 1.21 หมื่นล้านบาท (+8% YoY) และ 1.35 หมื่นล้านบาท (+12% YoY) ตามลำดับ และคงราคาเป้าหมายสำหรับปี 2567 ที่ 86.50 บาท
"ITC" กำไร 1Q67 ดีกว่าคาด ทำให้กำไรปกติคิดเป็นสัดส่วน 31% ของประมาณการกำไรเดิมทั้งปี บล.เอเซียพลัสจึงปรับเพิ่มกำไรปกติปี 2567 จากเดิม 13% อยู่ที่ 3.25 พันล้านบาท (+40% yoy) โดยปรับเพิ่มมาร์จิ้นเป็นหลักมาที่ 23% (จากเดิม 21% และบริษัทคงเป้า 21-22% เชื่อว่ามีโอกาสปรับเพิ่ม) ขณะที่ยอดขายคาดเติบโตตามเดิม 12.5% อยู่ที่ 1.75 หมื่นล้านบาท แนวโน้ม 2Q67 คาดคำสั่งซื้อลูกค้าที่เพิ่มต่อเนื่อง (ทางบริษัทส่งสัญญาณออเดอร์เพิ่ม MoM ในเดือน เม.ย. และ พ.ค.) รวมถึงการขยายธุรกิจและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งกับลูกค้า Global Brand ฝั่งอเมริกา, เปิดตัวสินค้าใหม่สำหรับลูกแมวกับลูกค้าที่เป็นร้านค้าปลีกออนไลน์ชั้นนำฝั่งยุโรป ตลอดจนขยายไลน์สินค้ากับลูกค้าที่เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตอันดับ 1 ในสิงคโปร์ ฯลฯ คาดช่วยผลักดันยอดขายเติบโตทั้ง QoQ และ YoY นอกจากนี้ประโยชน์การใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ,สต๊อกต้นทุนปลาทูน่าที่ลดลง และการเพิ่มสัดส่วนขายสินค้าพรีเมียมที่มีมาร์จิ้นสูง จะยังคงเป็นแรงหนุนต่อมาริ์จิ้นดีขึ้นกว่า 18.4% งวดปีก่อน และสนับสนุนให้กำไร 2Q67 คาดเติบโตสูง YoY แต่ในเชิง QoQ เบื้องต้นประเมินกำไรมีโอกาสลดลงจากฐานมาร์จิ้น 1Q67 ที่ค่อนข้างสูง ขณะที่ 2Q67 การเริ่มกระบวนผลิตโรงงานใหม่สมุทรสาครเดือน มิ.ย. และเต็มรูปแบบปีนี้ แม้ทำให้กำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงและขนนทานเล่นแบบเปียกเพิ่มขึ้น 18.7% จากเดิม แต่ช่วงแรกคาดอัตราการใช้กำลังการผลิตยังไม่สูง กอปรกับต้องรับรู้ค่าเสื่อมราคาที่สูงขึ้นจากสายการผลิตใหม่คาด 62 ล้านบาท/ไตรมาส (หรือ 247 ล้านบาท/ปี) อาจกดดันมาร์จิ้นมีโอกาสปรับลง แต่คาดยังยืนได้ไม่ต่ำกว่าเป้าบริษัทที่ 21-22%
"ROCTEC" เดิมคือ MACO รายได้หลักของกิจการจากในช่วงปี 2018/19 อิงธุรกิจโฆษณาราว 62% ปัจจุบันรายได้ปี 2023/2024 บล.หยวนต้าคาดมาจากธุรกิจ System Integration หรือบริการ SI ราว 85% อีก 15% มาจากธุรกิจโฆษณา การเติบโต ROCTEC ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2024/25F ที่ 3.3 พันล้านบาท (+23% YoY) และคาดการเติบโตในของรายได้ไปสู่ระดับ 6 พันล้านบาทในปี 2028/2029F หรือคิดเป็น CAGR ที่ระดับ 17.6% นอกจากนี้บริษัทตั้งเป้าเพิ่มอัตรากำไรสุทธิเกินกว่า 10% จาก Economies of Scales ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งไม่มีคำแนะนำอย่างเป็นทางการ ดังนั้นการลงทุนจึงเหมาะกับการเก็งกำไรที่รับความเสี่ยงได้สูงเท่านั้นและต้องมีจุดตัดขาดทุนในการเก็งกำไร
"ADVANC" เผยในงาน Opportunity Day คาดในช่วงไตรมาส 2/67 ธุรกิจโทรคมนาคมโดยปกติจะชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 และไตรมาส 4 ที่เป็นไฮซีซั่นของธุรกิจ อีกทั้งหมดมาตรการลดหย่อนภาษี Easy e-Receipt เดือน ก.พ. ทำให้ยอดขายโทรศัพท์ลดลง ส่วนรายได้ภาคบริการยังดี ธุรกิจมือถือมีระดับราคาให้บริการเหมาะสมกับลูกค้าหลากหลายกลุ่ม แต่กังวลกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้เฉลี่ยของผู้ให้บริการต่อลูกค้าหนึ่งคน(ARPU)น้อยมีกำลังซื้อค่อนข้างต่ำ ด้านธุรกิจบรอดแบรนด์มีการเติบโตเป็นเท่าตัวหลังควบรวมกลุ่ม 3BB ส่งผลให้ฐานลูกค้าโดยรวมเพิ่มเป็น 4.8 ล้านราย และรายได้เพื่มขึ้นเป็นเท่าตัว ขณะที่ธุรกิจเอ็นเตอร์ไพร์ส(องค์กร)อาจเติบโตช้า เพราะต้องขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมและนโยบายภาครัฐ ทั้งนี้ปี 67 วางเป้าหมายรายได้เติบโต 13- 15% จากการรวมธุรกิจ 3BB ปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 2 เท่า ด้าน EBITDA คาดเติบโต 14-16 %
"THCOM" บล.กรุงศรี พัฒนสิน ยังคงมองบวกต่อช่วงที่เหลือของปี โดย 2Q24F ฟื้นจากธุรกิจลูกให้บริการมือถือในลาวรับรู้ค่าบริการใหม่เต็มไตรมาสจาก 1Q24F รับรู้ 1 เดือน ส่วน 2H24F จะทยอยรับรู้รายได้ลูกค้าใหม่เพิ่ม เช่น ลูกค้า oneweb ในออสเตรเลีย, ลูกค้าอินเดียใช้ TC8 เป็นต้น นอกจากนั้น ยังอยู่ระหว่างประมูลงานในอินเดียเพิ่มคาดชัดเจนในกลางปี ดังนั้น ฝ่ายวิเคราะห์อยู่ระหว่างทบทวนประมาณการกำไรทั้งปี 24-26F ขึ้นจาก 196 ล้านบาท, 377 ล้านบาท และ 483 ล้านบาท หรือโตเฉลี่ย +66%CAGR ในปัจจุบัน ประเมิน upside ส่วนเพิ่มต่อราคาเป้าหมาย 1.3-2 บาท คงคำแนะนำ TRADING BUY ราคาเป้าหมาย 14.10 บาท