CHAO โรดโชว์ เดินหน้าเสนอขายไอพีโอ 87.68 ล้านหุ้น ระดมทุนเข้า SET
“เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี” หรือ CHAO นำเสนอข้อมูลนักลงทุน เดินหน้าเสนอขายไอพีโอ 87.68 ล้านหุ้น เข้าเทรด SET ชู 6 กลยุทธ์ ขับเคลื่อนการเติบโตสู่ระดับ Global ส่งแบรนด์ “เจ้าสัว” และ “โฮลซัม” บุกตลาดโลก
นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ของ บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดราคาเสนอขาย และวันจองซื้อ
หลังจาก CHAO ได้รับอนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชน (IPO) จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 87,684,100 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 29.2% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้
นางสาวณภัทร โมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 66 ปี เจ้าสัวมุ่งมั่นสร้างสรรค์อาหารอร่อย ที่เชื่อถือได้ในเรื่องคุณภาพสูง ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและความใส่ใจต่อโลกเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยวิสัยทัศน์ที่จะ ‘นำสูตรลับความอร่อยตำรับเจ้าสัวสู่คุณ’ พร้อมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง สู่การเป็น Everyday Consumption ที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคได้ในทุกโอกาส รวมทั้งเป็นขนมขบเคี้ยวทางเลือกที่ดีกว่าให้แก่ผู้บริโภค (Better-for-You Snack)
กลุ่มบริษัทวางเป้าหมายสร้างการเติบโตสู่ตลาดระดับโลกในการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ ‘เจ้าสัว’และ ‘โฮลซัม (Wholesome)’ ไปสู่ Global Brand ภายใต้แนวคิด ‘Bring Local to Global’ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
สำหรับจุดแข็งและข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของกลุ่มบริษัท ประกอบด้วย บริษัทเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยวไทยรูปแบบใหม่ (Modern Thai Snack) ที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย มีแบรนด์เจ้าสัวที่แข็งแกร่งและได้รับความนิยมสูงมาอย่างยาวนาน มีความรู้ความเข้าใจในเทรนด์การบริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา สามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลายและครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลให้กลุ่มบริษัทมีความสามารถในการทำกำไรที่ดีเมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน
รวมทั้งการมีทีมผู้บริหารมืออาชีพที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม ซึ่งจะช่วยผลักดันให้เจ้าสัวเติบโตในตลาดระดับโลก
“การนำเจ้าสัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงิน เพื่อรองรับศักยภาพการเติบโตไปสู่ตลาดระดับโลก โดยปัจจุบันเจ้าสัวส่งออกผลิตภัณฑ์ไปแล้วกว่า 12 ประเทศทั่วโลก ซึ่งผู้บริโภคให้การตอบรับอย่างดี สะท้อนผ่านผลประกอบการในช่องทางการส่งออกที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยในปี 2564 มีรายได้จากการส่งออก 216.6 ล้านบาท และในปี 2566 เติบโตสูงถึง 413.3 ล้านบาท” นางสาวณภัทร กล่าว
ขณะเดียวกัน บริษัทวางแผนในการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง และขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยผลักดันให้บริษัทเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้
นายสิริณัฏฐ์ ชญาน์นันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO กล่าวว่า เจ้าสัวมุ่งมั่นสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนด้วย 6 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย
1) มุ่งเน้นการขยายตลาดในต่างประเทศ ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการบริโภคของกลุ่มประเทศเป้าหมาย ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย เพิ่มตัวแทนกระจายสินค้า และขยายการส่งออกไปสู่กลุ่มประเทศใหม่ๆ ที่มีศักยภาพเติบโตสูง
2) นำเสนอสินค้าใหม่ๆ ที่มีคุณภาพ รสชาติอร่อยกลมกล่อมถูกปากผู้บริโภค เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมด้วยการวิจัยทางการตลาด และติดตามเทรนด์การบริโภคในปัจจุบัน เพื่อรังสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สร้างความแตกต่างเพื่อความได้เปรียบทางการแข่งขัน และรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม
3) สร้างการรับรู้ของแบรนด์เจ้าสัวให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น ด้วยการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจากรูปแบบเดิม พร้อมการสื่อสารการตลาดอย่างครอบคลุมทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้ครองใจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย ในการเป็นขนมขบเคี้ยวไทยรูปแบบใหม่ที่ผู้บริโภคนึกถึง (Top of Mind)
4) พัฒนาสินค้าประเภทขนมขบเคี้ยวเพิ่มเติมให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ (Product Portfolio) ให้มีความหลากหลายของรสชาติและรูปแบบ ให้สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์การบริโภคในทุกช่วงวัย เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเติบโตของรายได้
5) ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายและขยายฐานลูกค้า ด้วยการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการปรับผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าในแต่ละช่องทาง เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น รวมทั้งขยายฐานลูกค้ากลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวในประเทศ ผ่านกลยุทธ์ต่างๆ เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์แบบชุดของขวัญ (Gift Set) สำหรับใช้เป็นของฝาก
6) บริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ลงทุนในระบบอัตโนมัติ (Automation) ยกระดับคุณภาพการผลิตด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไร
ทั้งนี้ เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ จะนำไปใช้รองรับการขยายธุรกิจสู่ตลาดระดับโลก ผ่านการก่อสร้างโรงงานโฮลซัมแห่งที่ 2 ซึ่งเป็นโรงงานที่มุ่งเน้นการผลิตสินค้าเพื่อการส่งออก เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตข้าวตังและแครกเกอร์ธัญพืชอีก 2,000 ตัน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาส 4/2568 และขยายไลน์การผลิตโรงงานเดิม 770 ตัน รวมกำลังการผลิตของโรงงานโฮลซัมทั้ง 2 แห่ง ในปี 2568 จะอยู่ที่ 4,064 ตัน จากปัจจุบัน 1,294 ตัน ซึ่งมีอัตราการใช้กำลังการผลิตมากกว่า 70%
นอกจากนี้ โรงงานเจ้าสัวยังมีการขยายกำลังการผลิตข้าวตังและหมูแท่งเพิ่ม จากกำลังการผลิตรวม 4,589 ตัน และจะเพิ่มไลน์การผลิตเป็น 5,584 ตันในปี 2567
รวมทั้งพัฒนาระบบอัตโนมัติ (Automation) ปรับปรุงระบบควบคุมคุณภาพ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการบริหารธุรกิจเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน
นางสาวอินทุอร โมรินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO กล่าวว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถสร้างการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง
โดยในปี 2564-2566 บริษัทมีรายได้จากการขาย 1,135.1 ล้านบาท 1,413.6 ล้านบาท และ 1,493.4 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย 14.7% ต่อปี
ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/2567 มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 336.2 ล้านบาท เติบโต 4.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว (Snack) ที่บริษัทเชื่อว่ามีศักยภาพเติบโตสูง
ด้านกำไรสุทธิในปี 2564-2566 อยู่ที่ 64.4 ล้านบาท 86.6 ล้านบาท และ 161.6 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย 58.4% และมีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ 5.6% 6.1% และ 10.7% ตามลำดับ
โดยกำไรสุทธิของบริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขาย การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale)
ขณะที่กำไรสุทธิในไตรมาส 1/2567 อยู่ที่ 26.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง