posttoday

เปิด 10 หุ้น วางค้ำมาร์จิ้นสูง YGG มากสุด 54.23% จับตาหวั่นซ้ำรอย JMART-NEX-EA

03 กรกฎาคม 2567

เปิด 10 หุ้น วางค้ำประกันบัญชีมาร์จิ้นสูง พบ YGG ขึ้นอันดับ 1 ถึง 54.23% ล่าสุดชี้แจงบริษัทไม่มีพัฒนาการที่สำคัญใดๆ หลังราคาหุ้นร่วงฟลอร์ติดต่อกัน 2 วัน เหลือ 1.74 บาท จับตาหวั่นซ้ำรอย JMART-NEX-EA

ในช่วงที่ผ่านมา มีหุ้นหลายตัวถูกบังคับขายหุ้น (Force Sell) หลังจากราคาหุ้นปรับลงแรง ทำให้บริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ต้องเรียกวางหลักประกันเพิ่มเติม (Margin Call) เนื่องจากหุ้นตัวนั้นๆ ได้มีการกู้ยืมเงินจากโบรกเกอร์โดยใช้หุ้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน เมื่อหลักทรัพย์ค้ำประกันที่วางไว้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด โบรกเกอร์อาจบังคับให้วางหลักประกันหรือเรียกเงินสดเพิ่ม หรืออาจ Force Sell

โดยย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือน ก.พ.2566 “อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา” และ “ยุวดี พงษ์อัชฌา” ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ออกมาแจ้งขายหุ้น Big Lot รวม 54 ล้านหุ้น ให้กับนักลงทุนสถาบัน เนื่องจากถูก Margin Call ทำให้ต้องขายหุ้น Big Lot เพิ่มนำเงินไปวางเพิ่มเติม เพื่อไม่ให้โดน Force Sell 

ขณะที่ บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX ได้ออกมาชี้แจงว่าในช่วงตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.2567 บริษัทหลักทรัพย์มีการ Call Margin แต่ไม่สามารถวางเงินสดหรือหลักประกันเพิ่มเติมได้ จึงโดน Force Sell หลายราคา และหลายช่วงเวลา

เช่นเดียวกัน บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ที่ “สมโภชน์ อาหุนัย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ออกแถลงยอมรับว่าถูก Force Sell แต่ยืนยันว่าการถูก Force Sell จบแล้ว เนื่องจากถูกสถาบันการเงินต่างประเทศบังคับขายหุ้น จน Cover หนี้ทั้งหมดแล้ว ไม่ได้มีการขายหุ้นหนีไปไหนอย่างแน่นอน ตนเองและพันธมิตร ยังถือหุ้นรวมกันมากกว่า 50% ยังควบคุมบริษัท และมั่นใจธุรกิจเดินมาถูกทางอยู่ในเมกะเทรนด์โลก พร้อมย้ำฐานะทางการเงินแกร่ง มีกระแสเงินสดคืนหนี้หุ้นกู้ตรงเวลา 

ดังนั้น “โพสต์ทูเดย์” จึงได้รวมรวบข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เกี่ยวกับหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกันการชำระหนี้ในบัญชีมาร์จิ้น 10 อันดับแรก ในเดือน พ.ค.2567 พบว่า 

  • อันดับ 1 YGG จำนวน 326,466,166 หุ้น คิดเป็น 54.23% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด  
  • อันดับ 2  BABA80 จำนวน 268,936,223 หุ้น คิดเป็น 53.79% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด 
  • อันดับ 3 SCM จำนวน 314,762,569 หุ้น คิดเป็น 52.09% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
  • อันดับ 4 TFG จำนวน 2,984,611,926 หุ้น คิดเป็น 51.36% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
  • อันดับ 5 GPI จำนวน 306,700,577 หุ้น คิดเป็น 51.12% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
  • อันดับ 6 SAAM จำนวน 149,908,100 หุ้น คิดเป็น 49.97% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
  • อันดับ 7 SA จำนวน 498,529,819 หุ้น คิดเป็น 41.58% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
  • อันดับ 8 A5 จำนวน 500,184,867 หุ้น คิดเป็น 41.36% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
  • อันดับ 9 KUN จำนวน 290,510,704 หุ้น คิดเป็น 38.78% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
  • อันดับ 10 NRF จำนวน 545,945,738 หุ้น คิดเป็น 38.51% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด

เปิด 10 หุ้น วางค้ำมาร์จิ้นสูง YGG มากสุด 54.23% จับตาหวั่นซ้ำรอย JMART-NEX-EA

จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่า บริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ YGG มีการนำหลักทรัพย์วางเป็นประกันการชำระหนี้ในบัญชีมาร์จิ้นมากที่สุด จึงเป็นที่น่ากังวลว่าจะเป็นเหมือนกับกรณีของ JMART, NEX และ EA หรือไม่? 

ล่าสุด YGG ได้ออกมาชี้แจงว่าบริษัทไม่มีพัฒนาการที่สำคัญใดๆ นอกเหนือจากที่ได้เปิดเผยผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว หลังจากราคาหุ้นร่วงแรง 

โดยความเคลื่อนไหวราคาหุ้นของ YGG ล่าสุด วันนี้ (3 ก.ค.) ปรับตัวลดลง 0.74 บาท หรือลดลง 29.84% ทำราคาต่ำสุด (Floor) ที่ 1.74 บาท โดยเป็นการปรับตัวลงติดฟลอร์เป็นวันที่ 2 ต่อเนื่องจากวานนี้ (2 ก.ค.) ปิดที่ราคาต่ำสุด (Floor) 2.48 บาท ลดลง 1.08 บาท หรือลดลง 30.34% และปรับตัวลดลง 4 วันติดต่อกัน นับตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย.2567 

ขณะเดียวกัน วานนี้ (2 ก.ค.) ได้มีการแจ้งการลาออกของ “ศิรกาญจน์ สุทธิเกียรติ” จากตำแหน่งประธานกรรมการบริหารฝ่ายการเงิน มีผลตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย.2567