คัดให้ 12 หุ้นเป้าหมาย "กองทุน ThaiESG" จ้องซื้อ
สองโบรกเกอร์รวมพลังสแกน 54 หุ้นพื้นฐานแกร่ง - เรทติ้ง SETESG สูง - CG ระดับดีเลิศ เป้าหมาย "กองทุน THAIESG" เข้าลงทุน คาดเม็ดเงินใหม่ไหลเข้ามากกว่า 5,000 ล้านบาทต่อเดือน
คัด 12 หุ้นน่าสนรับกองทุน THAIESG
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการบริการการลงทุน บล.กรุงศรี พัฒนสิน กล่าวว่า แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเผยการประชุม ครม.วันนี้(30 ก.ค.67) รมว.คลังจะเสนอที่ประชุมพิจารณาร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของไทย (กองทุน ThaiESG) เกณฑ์ใหม่ หลักๆ คือ 1)ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน 2)ซื้อสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท (เดิมสูงสุด 100,000 บาท)
3)ระยะเวลาถือครอง 5 ปี (นับจากวันที่ซื้อ) จากเดิม 8 ปี และ 4)การปรับเงื่อนไขลงทุนที่ครอบคลุมหุ้น 200 บริษัทจากเดิม 128 บริษัท หลัง ครม.อนุมัติจะมีการประกาศเงื่อนไขหุ้นที่กองทุนลงทุนได้ใน 2 สัปดาห์ KSS มองบวกต่อความคืบหน้าดังกล่าว โดยคาดเม็ดเงินใหม่เข้าสู่ตลาดเดือนละ 5-6 พันล้านบาท
จากการศึกษาช่วงที่มีกองทุนคล้ายกัน LTF และเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงฟื้นตัวดังเช่นปัจจุบันในปี 2012-2013 ทุกๆ 10,000 ล้านบาท จะหนุน SET ราว 20-25 จุด
ชุดหุ้นที่คาดได้อานิสงส์ทางบวกเบื้องต้น คือ กลุ่มหุ้นปัจจุบันที่อยู่ในดัชนี SETESG และมีน้ำหนักสูง ผสานกลุ่มที่มีพื้นฐานแกร่งในปัจจุบันคาดจะเห็นการเพิ่มน้ำหนักมากขึ้น อาทิ ADVANC (น้ำหนักใน SETESG 5.2%) CPALL* (5.1%) AOT*(5%) GULF*(5%) SCC(2.8%) CPN (2.6%) INTUCH (2.45%) CPF(2.1%) CRC*(1.96%) MINT*(1.7%) SCGP*(1.15%) BEM*(1.09%)
ทั้งนี้ ในกลุ่มที่มีเครื่องหมาย * คือ กลุ่มที่ยอด Short Sales คงค้างที่ยังไม่ปิดสถานะมากกว่า 0.5% ของทุนชำระแล้ว
เปิดโผ 54 หุ้นรับกองทุน THAIESG ใหม่
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ก่อนหน้านี้ในช่วงต้นเดือนมีกระแสข่าวว่าเตรียมนำกองทุน TESG เข้า ครม. ในช่วงกลางสัปดาห์จึงทำให้เห็นเม็ดเงินซื้อสุทธิหุ้นไทยของสถาบันกว่า 4.6 พันล้านบาท (ช่วง 1 -10 ก.ค.67) แต่หลังจากนั้นกระแสข่าวที่หายไปจึงทำให้สถาบันขายสุทธิหุ้นไทยจนยอดสุทธิอยู่ที่ -556 ล้านบาท (MTD) อย่างไรก็ตามวันนี้มีกระแสข่าวว่า คลังเตรียมชงกองทุน TESG เข้า ครม. จึงเป็นไปได้ว่าเม็ดเงินจากฝั่งสถาบันจะกลับมาซื้อสุทธิ SET และหนุนดัชนีปรับตัวขึ้นช่วงสั้นได้
ซึ่งเม็ดเงินที่คาดหวังจากกองทุน THAIESG ใหม่ ที่ไหลกลับเข้ามาหนุนตลาดหุ้น ฝ่ายวิจัยฯคาดว่าจะมีเม็ดเงินหนุนราว 40,000 - 50,000 ล้านบาท ตามการเปรียบเทียบด้านเม็ดเงินที่สามารถนำมาลดหย่อยภาษีได้กับกองทุน LTF เดิม โดยเม็ดเงินที่หนุน SET ทุกๆ 10,000 ล้านบาท มักหนุนให้ SET ขยับขึ้นได้ 1 - 2%
ส่วนกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัยฯแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้
1.คัดกรองหุ้นใน SETESG ที่มี ESG RATINGS อยู่ในระดับสูงสุด “AAA” และยังมี CG REPORT อยู่ในระดับ "ดีเลิศ" หรือ 5 คะแนน น่าจะเป็นหุ้นเป้าหมายอันดับต้น ที่เม็ดเงินของนักลงทุนสถาบันฯ และเม็ดเงินจาก THAIESG FUND ใหม่จะไหลเข้า ได้ผลลัพธ์ 29 บริษัท ซึ่งหุ้นในกลุ่มดังกล่าวที่น่าสนใจ อาทิ ADVANC , CPALL , KBANK , SCC , CRC , PTTGC , TISCO , BGRIM , CKP , STA , AMATA , THCOM เป็นต้น
2.คัดกรองหุ้นใน SETESG ที่มี ESG RATINGS อยู่ในระดับสูงลองลงมา “AA” ที่ราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปี(YTD) ปรับฐานลงมาลึกบวกกับปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต อาทิ IVL , AP , BCH , HMPRO , GPSC , PLANB , CPN , BJC เป็นต้น
กองทุน THAIESG ใหม่ น่าจะจูงใจให้คนเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น ทั้งในมุม VALUATION ที่น่าสนใจ การเติบโตที่ยั่งยืน อีกทั้งข้อบังคับระยะเวลาการถือครองยังสั้นสุดเมื่อเทียบกับกองทุนประหยัดภาษีอื่นๆ ทั้ง LTF และ SSF
โดยกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นในกลุ่มที่มี ESG RATING “AA-AAA” ที่ราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีปรับฐานลงมาลึก(รวมกลยุทธ์หุ้นกลุ่ม 1 และ 2) อาทิ PTTGC , SCC , CRC , SCGP , BGRIM , IVL , AP , BCH , HMPRO , GPSC , PLANB , CPN , BJC เป็นต้น