‘โอ้กะจู๋’ ปลูกรักจากสวนผักเล็กๆ สู่ผู้นำธุรกิจอาหารสุขภาพ
‘โอ้กะจู๋’ ฝันเล็กๆของสองหนุ่มเพื่อนรัก "สวนผักแปลงน้อยปลอดสารพิษ"ร่วมแรงร่วมใจสานฝันพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ไม่มีหยุด ก้าวสู่ผู้นำด้านธุรกิจ "อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ" พร้อมโลดแล่นในตลาดหุ้นไทย
แบรนด์ ‘โอ้กะจู๋’ ชื่อที่ฟังแว้ปแรกช่างจั๊กกะจี้หัวใจ บ่งบอกความทะเล้นและขี้เล่นของเจ้าของความฝันที่อยากทำแปลงปลูกผักปลอดสารพิษส่งขายในจังหวัดเชียงใหม่ของสองหนุ่มเพื่อนรักนักเรียน "อู๋-ชลากร เอกชัยพัฒนกุล" และ "โจ้ - จิรายุทธ ภูวพูนผล" ความฝันที่ดูสุดแสนจะธรรมดา แต่ว่าเรื่องราวความเป็นมากลับอบอุ่นหัวใจเหลือแสน
“สวนผักโอ้กะจู๋” ถูกจุดประกายขึ้นภายในใจของสองหนุ่มเพื่อนรักมัธยมปลายที่มีโอกาสเดินทางไปทัศนศึกษาที่คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อครั้นเรียนจบ “โจ้” ตัดสินใจเข้าศึกษาในคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หลังจากจบการศึกษาจึงร่วมมือกับ “อู๋” เพื่อสานฝันให้เกิดขึ้นจริงในทันที “สวนผักโอ้กะจู๋” จึงถือกำเนิดขึ้นในพ.ศ.2553
จากแปลงผักสวนครัวเล็กๆ ที่ปลูกแซมด้วยผักสลัดบางชนิด บนพื้นที่เพียง 1 ไร่ ในอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ด้วยอุดมการณ์ "ปลูกผักแบบเกษตรอินทรีย์ วิธีธรรมชาติ ปลอดสารพิษและสารเคมีตกค้าง" ด้วยคำนึงถึง "ดินดี น้ำดี พืชผักที่ดี" เพื่อส่งมอบให้กับคนที่รัก ครอบครัวและชุมชนจะได้รับประทานของที่ดีต่อสุขภาพอย่างแท้จริง
“ปลูกผักเพราะรักแม่” ถูกหยิบมาเป็นสโลแกนสำคัญ ด้วยคำว่า "แม่" เปรียบเหมือนตัวแทนความรักของครอบครัว สะท้อนกระบวนการผลิตของสวนผักที่สรรสร้างจากความตั้งใจ นับตั้งแต่ขั้นตอนหมักปุ๋ยอินทรีย์ที่นำเศษใบไม้, เศษผักออร์แกนิค, กิ่งไม้และซังข้าวโพดนำมาทำ“ปุ๋ยหมักแบบไม่พลิกกอง” ใส่ใจในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนเพาะเมล็ด การย้ายต้นอ่อน การรดน้ำ และเก็บเกี่ยวผลผลิตทั้งหมดนี้เราทำการเกษตร ที่เรียกว่า เกษตรอินทรีย์ (Organic agriculture)
จาก "ผักปลอดสารพิษ" พัฒนาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับได้กำลังเสริมมาร่วมหุ้นด้วย นั่นก็คือ “ต้อง - วรเดช สุชัยบุญสิริ” เพื่อนสมัยมัธยม จบการศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มีความรู้ด้านเครื่องจักรและวิธีการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ กว่าที่จะสร้างอาณาจักรอย่างยิ่งใหญ่อย่างทุกวันนี้ ถือว่าผ่านวิกฤติอุทกภัยครั้งใหญ่ในพ.ศ.2553 พายุฤดูแล้งในพ.ศ.2554 แต่พวกเราไม่ถอดใจจับมือกันสู้ แล้วก็ต่อยอดไปทำคาเฟ่เล็กๆ
"ช่วงแรกส่งผักขายให้กับร้านอาหารทั่วเชียงใหม่ แต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ ด้วยร้านอาหารที่สนใจมีไม่มาก อาจเพราะผักของเรามีราคาสูง และผลผลิตมีปริมาณน้อยกว่าผักที่ปลูกโดยใช้สารเคมี บวกกับต้นทุนผักออร์แกนิคมีราคาสูงกว่า แต่เรายังไม่ท้อ เพราะตั้งใจอยากจะให้คนเชียงใหม่ได้รับประทานผักที่ปลอดสารเคมีและปราศจากยาฆ่าแมลง ที่สำคัญเราเชื่อมั่นว่าเดินมาถูกทางแล้วเพียงแต่ต้องใช้ระยะเวลาพิสูจน์ตัวเองเท่านั้น"
ด้วยกระแสการตอบรับที่ดีจึงได้มีพัฒนาร้าน พร้อมขยับขยายพื้นที่ปลูกผักเพิ่มขึ้น ทั้งเพิ่มโรงเรือนสำหรับปลูกผัก และโรงเรือนระบบหมุนเวียนอากาศ ( Evaporative cooling system )ที่สามารถปลูกผักที่ปราศจากสารเคมีและยาฆ่าแมลง อาทิ ผักคะน้าออร์แกนิค และกะหล่ำปลีออร์แกนิค โรงเรือนใหม่ที่คุมอุณหภูมิได้และเพิ่มคุณภาพของผลผลิตได้เช่นกัน โดยมี “สวนผักแห่งศรัทธา” ขนาดพื้นที่ 12 ไร่ บริเวณด้านหลังของที่ตั้งคาเฟ่ สาขาแรก
“สวนปลูกผักเพราะรักแม่” ขนาดพื้นที่ 8 ไร่ เดิมเคยเป็นพื้นที่ปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ออร์แกนิค 2 ปีจึงทำให้สามารถปลูกผักสลัดออร์แกนิคได้ทันที เพื่อส่งสู่ครัวโอ้กะจู๋ และสวนที่สาม คือ “สวนปลูกผักเพราะรักพ่อ” ที่ได้ขยายพื้นที่ในช่วงต้นปี 2558 บนพื้นที่ 50 ไร่สำหรับเตรียมความพร้อมสู่ครัวโอ้กะจู๋ สาขา 2 (แอร์พอร์ต)
จุดเปลี่ยนสำคัญ!!
ในช่วงต้นปี 2564 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ ‘โอ้กะจู๋’ เมื่อ "บริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด" ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ “บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR” ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นและสัญญากับ "บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด" สิ่งที่ตามมา คือ OR เข้าลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 20 มูลค่าไม่เกิน 500 ล้านบาท ปูทางให้ ‘โอ้กะจู๋’ สามารถขยายสาขาร้านในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ทั่วประเทศ รวมถึงการจำหน่ายอาหารแบบ Grab & Go ผ่านร้าน Café Amazon อีกด้วย
และแน่นอนว่า โอกาส ของ ‘โอ้กะจู๋’ ที่มีพาร์ทเนอร์ทางการค้าที่ยิ่งใหญ่อย่าง OR ซึ่งเป็นลูกของ "ปตท."บริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดหุ้นทีเดียว นี่ไม่ใช่แค่ก้าวเล็กๆ แต่คือการก้าวกระโดดสู่ความยิ่งใหญ่
ก้าวที่ใหญ่ขึ้น
ในวันนี้ “สวนผักโอ้กะจู๋” ขยายใหญ่เป็น “บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ “OKJ” ขึ้นสู่ผู้นำธุรกิจให้บริการและจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Be Organic from Farm to Table”เน้นวิถีเกษตรอินทรีย์(Organic) ตั้งแต่เพาะปลูกจนถึงเก็บผลผลิต ได้เวลาเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 159 ล้านหุ้น
ผลการดำเนินงาน 3 ปีที่ผ่านมา
พ.ศ.2564 มีรายได้รวม 803 ล้านบาท
พ.ศ.2565 มีรายได้ 1,214.9 ล้านบาท
พ.ศ.2566 มีรายได้ 1,716.8 ล้านบาท
เติบโตเฉลี่ยต่อปี(CAGR) 46.2%
ไตรมาส 1/2567 มีรายได้รวม 538.4 ล้านบาท
เติบโต 48.2% เทียบกับไตรมาส 1/2566
ธุรกิจของ ‘โอ้กะจู๋’
ปัจจุบันมี “ธุรกิจบริการและจำหน่ายอาหาร แบรนด์โอ้กะจู๋” จัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพประเภทต่างๆ อาทิ สลัด สเต็ก สปาเก็ตตี้ อาหารจานเดียว ขนมหวาน น้ำผักผลไม้ ฯลฯ รวมถึงนำผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์โอ้กะจู๋ เช่น ผัก ผลไม้ สลัด แซนวิช แร็พ เป็นต้น วางขายช่องทางต่างๆ ทั้ง Full-service Restaurant 30 สาขา , Delivery and Kiosk 4 สาขา , Café Amazon กว่า 400 สาขา และ Supermarket 11 สาขา
และ “ธุรกิจร้านน้ำผักผลไม้เพื่อสุขภาพ แบรนด์ Oh! Juice” เป็นการต่อยอดเมนูน้ำผักออร์แกนิคและผลไม้ที่จำหน่ายในร้านโอ้กะจู๋ มาพัฒนาสูตรเป็นเมนูผักผลไม้สุขภาพและเสริมคุณค่าโภชนาการด้วยสารอาหารต่างๆที่ร่างกายต้องการเหมาะกับคนทุกวัย โดยในเดือน พ.ค.67 เปิดสาขาแรกที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าวได้รับการตอบรับล้นหลาม และสาขาที่ 2 ที่ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน ในเดือน มิ.ย.67 และมีแผนขยายสาขาร้านใหม่ทั้ง 2 แบรนด์อย่างต่อเนื่องให้ครอบคลุมกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงพัฒนาแบรนด์อื่นๆเพิ่มเติมในอนาคต
การเข้าตลาดหุ้นครั้งนี้เพื่อโอกาสการเติบโตและหวังนำเงินไปขยายสาขา, สร้างครัวกลางแห่งใหม่ เพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจและขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อต่อยอดการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
นี่คือตัวอย่างคนที่ปั้นความฝันจากจุดเล็กๆ สู่การร่วมมือร่วมใจ จับมือต่อสู้ฟันฝ่าทุกอุปสรรค พร้อมคิดต่อยอดและพัฒนาอย่างไม่สิ้นสุด เมื่อกายพร้อม ใจพร้อม ผลผลิตที่วาดฝันเติบใหญ่และออกดอกออกผลก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยวผลิตผลที่หอมหวาน ดังคำกล่าวที่ว่า....
"อย่าหยุดพัฒนาตัวเอง จงฝึกฝนให้มีความพร้อม ความสามารถ เพราะเมื่อมีโอกาสดีๆเข้ามาจะได้คว้าไว้ทันที เพราะถ้าไม่พร้อม โอกาสอาจกลายเป็นอากาศ"
‘โอ้กะจู๋’ ไอพีโอป้ายแดงเสนอขาย 159 ล้านหุ้น เตรียมเทรด SET ปีนี้
โบรกส่องงบไตรมาส 2/67 "OR" ร่วงแรง ? จับตากฏหมายคุมราคาน้ำมัน
ดักทางงบ 2Q67 "หุ้นพลังงาน" น่าซื้อ หรือ เลี่ยง ?