AQUA พลิกโฉม! ปรับโครงสร้างธุรกิจ โฟกัสรายได้มั่นคง-เติบโตสูง

บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AQUA เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจบริหารการลงทุนในธุรกิจต่างๆ โดยเลือกลงทุนในธุรกิจที่มีผลการดำเนินงานที่ดี มีศักยภาพ และโอกาสเติบโตในอนาคต เพื่อให้บริษัทมีผลตอบแทนจากการลงทุนที่เหมาะสมและยั่งยืน 

“ชัยพิพัฒน์ แก้วไตรรัตน์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AQUA เปิดเผยว่า AQUA ขยายความแข็งแกร่ง ได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยแบ่งธุรกิจออก 2 ประเภท คือ 1. Cash Cows ที่มีรายได้มั่นคง กำไรต่อเนื่อง เป็นกลุ่มรายได้ที่แข็งแกร่งให้กับบริษัท ประกอบด้วย 

กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่า อาทิ การให้เช่า Warehouse (คลังสินค้า) ดำเนินการโดยบริษัทย่อย คือ บริษัท ไทย คอนซูมเมอร์ ดิสทริบิวชั่น เซ็นเตอร์ จำกัด (TCDC) และบริษัทย่อยทางอ้อมที่ถือหุ้นโดย TCDC คือ บริษัท แอ๊คคอมพลิช เวย์ โฮลดิ้งส์ จำกัด (AWH), การให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้บริการสำหรับกลุ่มธุรกิจ Healthcare ดำเนินงานโดย บริษัท มันตรา แอสเซ็ท จำกัด (MA)

กลุ่มธุรกิจโรงไฟฟ้า ดำเนินงานโดย บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP (AQUA ถือหุ้น 40.64%) ที่มีทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานลม และ Solar Rooftop   

กลุ่มธุรกิจมีเดีย ดำเนินงานโดย บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB (AQUA ถือหุ้น 1.96%)

และ 2. New Growth เป็นสินค้าที่เป็นที่ต้องการในท้องตลาดอย่างมาก เมื่อตลาดกำลังเติบโตสูงก็ทำให้ธุรกิจมียอดขายสูงและทำกำไรได้ง่าย ขณะเดียวกัน บริษัทยังคัดเลือกธุรกิจที่มีความสำคัญต่อผู้บริโภคด้วย ได้แก่

กลุ่มธุรกิจอาหาร ล่าสุด จัดตั้ง บริษัท เอฟเอบี ฟู้ดโฮดิ้ง จำกัด (FAB) ถือหุ้น 51% ร่วมกับ เครือบุญรอด ถือหุ้น 40% และ “ปิยะเลิศ ใบหยก” หรือ เบียร์ใบหยก ถือหุ้น 9% ดำเนินธุรกิจอาหาร มี 8 แบรนด์อาหารดังในเครือ ได้แก่ Santa Fe, Santa Fe Easy, เหม็ง แซ็ปนัว, Sekai no Yamachan, ส้มตำเจ๊แดง สามย่าน, ราเมงเดส, อิคโคฉะ ราเมน และ อุชิดายะ ราเมน รวมทั้งหมดมากกว่า 200 สาขา

“การเข้าทำรายการในธุรกิจอาหาร แต่ละแบรนด์ได้รับความนิยม มีชื่อเสียงมายาวนาน และอาหารยังเป็นธุรกิจที่ผู้บริโภคไม่มีวันหยุดบริโภค ทำให้มั่นใจได้ว่า FAB จะเป็นแหล่งรายได้ที่เฉิดฉายให้กับ AQUA ได้อย่างมีนัยสำคัญ”

ธุรกิจนวัตกรรมด้านการเงิน ดำเนินการโดย บริษัท เนสท์ติฟลาย จำกัด (NastiFly) ซึ่งถือหุ้นโดย บริษัท เพียร์ ฟอร์ ออล จำกัด (PFA) ผ่าน บริษัท เพียร์ ฟอร์ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ PEER (AQUA ถือหุ้น 24.80%)

ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ ดำเนินการโดย บริษัท เฉลิมภัทร คอร์ปอเรชั่น จำกัด (CPC) ซึ่งปัจจุบันมีทั้งการให้บริการขนส่งพนักงานและนักท่องเที่ยว และบริษัท ไทยพาร์เซิล จำกัด (มหาชน) หรือ TPL (AQUA ถือหุ้น 18.18%) ให้บริการขนส่งพัสดุสินค้าหนักและใหญ่ทั่วประเทศไทย

นอกเหนือจากการปรับโครงสร้างธุรกิจให้มีความหลากหลาย เพื่อสร้างความแข็งแกร่งของรายได้ และกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนจากธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งแล้ว AQUA ยังมีการบริหารจัดการทางการเงินอย่างระมัดระวังรัดกุมอีกด้วย  

โดย AQUA ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องสำหรับการชำระคืนหุ้นกู้ ล่าสุด ได้ชำระเงินหุ้นกู้ AQUA247A ซึ่งออกและเสนอขายให้กับนักลงทุน เมื่อวันที่ 21 ก.ค.2565 อัตราดอกเบี้ย 5.75% ต่อปี กำหนดไถ่ถอนเมื่อวันที่ 23 ก.ค.2567 เต็มจำนวนตามกำหนด 100% มูลค่า 628.80 ล้านบาท เรียบร้อยแล้ว สะท้อนการบริหารจัดการโครงสร้างทางการเงิน การลงทุนได้อย่างดี

ขณะเดียวกัน เตรียมเสนอขาย “หุ้นกู้มีประกันของบริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2567 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2570 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน” วงเงินไม่เกิน 450 ล้านบาท อายุ 2 ปี 9 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 7.25% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน

ทั้งนี้ หุ้นกู้ดังกล่าวเป็นหุ้นกู้ ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ไม่ด้อยสิทธิ มีหลักประกัน มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน ตั้งแต่วันครบรอบ 12 เดือนของอายุหุ้นกู้ หรือตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค.2568 เป็นต้นไป

โดยเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนรายใหญ่ และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน เปิดจองในวันที่ 8, 9 และ 13 ส.ค.2567 ผ่าน 7 ตัวแทนผู้จัดจำหน่าย ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จํากัด

ขณะที่อันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกหุ้นกู้ อันดับ “BB+” แนวโน้ม “คงที่” เมื่อวันที่ 4 มี.ค.2567 โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด

สำหรับเงินที่ได้จากการออกและเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ จะนำไปใช้เพื่อซื้อทรัพย์สิน ลงทุน หรือเป็นเงินค่าใช้จ่ายในการขยายธุรกิจประเภทต่างๆ ให้เป็นไปตามแผนสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จำนวน 380-420 ล้านบาท และเป็นเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้น จำนวน 10-50 ล้านบาท