NEO เปิดแผน 5 ปี ลุยขยายตลาดต่างประเทศเป็น 28 ประเทศ ในปี 71 เพิ่ม Segment ใหม่
NEO เปิดแผนธุรกิจ 5 ปี สร้างแลนด์สเคปใหม่ ขยายตลาดต่างประเทศ ปักธงปี 71 เพิ่มเป็นกว่า 28 ประเทศ สัดส่วนรายได้ต่างประเทศเพิ่มเป็น 15% พร้อมขยาย Segment ใหม่ ชูกลยุทธ์ Innovation-led Premiumization มั่นใจรายได้ปีนี้โตเลขสองหลัก หลังครึ่งปีแรก กำไรสุทธิพุ่ง 60% แตะ 537 ล้านบาท
นางปัทมา ถกลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการพาณิชย์ บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) หรือ NEO เปิดเผยว่า บริษัทกำหนดวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจเพื่อก้าวสู่บริษัท FMCG แห่งนวัตกรรมของเอเชีย โดยการสร้างแลนด์สเคปใหม่มุ่งขยายโอกาสส่งมอบสินค้าอุปโภคของประเทศไทยไปสู่ระดับนานาชาติ สอดรับกับตลาดสินค้าอุปโภคมีศักยภาพเติบโตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าปี 2566-2568 ตลาดผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือนจะเติบโตเฉลี่ย 9% รวมไปถึงมองโอกาสการเติบโตกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน และกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล ในตลาดเอเชียใต้ ที่คาดการณ์เติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 8.0% ส่วนตะวันออกกลาง และแอฟริกา เติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 15.1% ในช่วงปี 2566-2568
สำหรับแผนธุรกิจ 5 ปี (2567-2571) ในส่วนของตลาดต่างประเทศ บริษัทมุ่งเน้นการส่งมอบสินค้าอุปโภคทั้งหมด 8 แบรนด์ จาก 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ขยายสู่ตลาดต่างประเทศ ภายใต้กลยุทธ์ dual tracks ได้แก่ 1.ขยายการเติบโตในประเทศเป้าหมายเดิม ด้วยการนำเสนอสินค้าประเภทใหม่ จากทั้งแบรนด์เดิม รวมทั้งแบรนด์ที่ยังไม่ได้ทำการตลาด
และ 2.มุ่งขยายไปยังประเทศที่มีศักยภาพเพิ่มเติม โดยตั้งเป้าหมายปี 2571 จะขยายฐานประเทศใหม่ เป็นมากกว่า 28 ประเทศ จาก 16 ประเทศ ในปี 2566 และคาดการณ์สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ จะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 15% จากปัจจุบันอยู่ที่ 10%
ในส่วนตลาดในประเทศ แผนธุรกิจ 5 ปี ยังรวมถึงการขยายไปยัง segment ใหม่ที่มีศักยภาพและมีโอกาสเติบโตสูง เช่น segment ผู้สูงวัยที่บริษัทเป็นเจ้าแรกในตลาด พร้อมกับส่งมอบนวัตกรรมที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค พร้อมชูกลยุทธ์ Innovation-led Premiumization ที่มีนวัตกรรมเป็นตัวนำในการนำเสนอสินค้าใหม่ๆ
รวมไปถึงการบุกขยายพื้นที่การขายให้ครอบคลุมมากที่สุด ซึ่งเป็นไปตามปณิธานของ NEO ในการก้าวสู่บริษัท FMCG แห่งนวัตกรรมของเอเชีย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับผู้บริโภค ส่งมอบการเติบโตแบบ double digits ให้กับบริษัทในทุกปี ตลอด 5 ปีนี้
นางสาวณิศรา ถกลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายปฏิบัติการ NEO กล่าวว่า ความสำเร็จด้านการเป็นผู้นำการสร้างสรรค์นวัตกรรมของ NEO สามารถตอกย้ำการเติบโตให้กับบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง โดยปี 2565-2566 ผลิตภัณฑ์ซักผ้า เติบโต 31.0% ขณะที่ตลาดเติบโต 19.5% ผลิตภัณฑ์โรลออน เติบโต 35.7% ส่วนตลาดเติบโต 12.9% และผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก เติบโต 10.4% มากกว่าตลาดเติบโต 7.6%
ทั้งนี้ ตามแผนการเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศในช่วง 5 ปีข้างหน้า บริษัทวางแผนยกระดับกระบวนการผลิตและขยายกำลังการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยทั้งใน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ (กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล และกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้สำหรับเด็ก) ซึ่งจะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 400,000 ตันต่อปี จากปัจจุบันประมาณ 230,000 ตันต่อปี
นอกจากนี้ ภายในโรงงานยังมุ่งเน้น ESG (Environmental, Social and Governance) ทั้งวัตถุดิบที่ใช้ในกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใช้บรรจุภัณฑ์จากวัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุธรรมชาติ โดยวางเป้าหมาย NEO ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 20% ภายในปี 2573 เพื่อสร้างโลกที่สะอาดและอนาคตที่ยั่งยืน
นางสาวภัทร์ชนก วรศักดิ์โยธิน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน NEO กล่าวว่า บริษัทเดินหน้าต่อยอดพันธกิจสร้างความสำเร็จตามเป้าหมายการเติบโต Double Digits ในปีนี้ โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 บริษัทมีรายได้จากการขาย 2,494 ล้านบาท เติบโต 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 269 ล้านบาท เติบโต 72% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย. 2567) บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 4,966 ล้านบาท เติบโต 9% และกำไรสุทธิ 537 ล้านบาท เติบโต 60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยมาจากบริษัทนำเสนอนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ การปรับปรุงผลิตภัณฑ์เดิมให้มีคุณสมบัติที่ดีขึ้นและมุ่งขยายสินค้าในพอร์ตโฟลิโอกลุ่มระดับแมสไปสู่ระดับพรีเมียมแมส ส่งผลให้เพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ พร้อมทั้งดำเนินการสื่อสารทางการตลาดและกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างครบวงจร
นางสาวณิชมน ถกลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายนวัตกรรมธุรกิจ NEO กล่าวว่า บริษัทขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ภายใต้ความเข้าใจต่อความต้องการของผู้บริโภคทั้งคนไทยและเอเชีย ด้วยประสบการณ์การทำการตลาดมากกว่าหลายสิบปี ประกอบกับการทำวิจัยในเชิงลึกของบริษัท ส่งผลให้ NEO มองเห็นโอกาสที่จะพัฒนานวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในทุกไลฟ์สไตล์และทุกช่วงวัย
จากพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันใส่ใจดูแลตัวเองและให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้า จึงมีแนวโน้มเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะทางที่ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตและสร้างความพึงพอใจได้อย่างตรงจุด ยินดีจ่ายแพงขึ้นสำหรับสินค้าที่คุ้มค่ากว่า NEO จึงมุ่งดำเนินกลยุทธ์ Innovation-led Premiumization ที่มีนวัตกรรมเป็นตัวนำ ภายใต้แนวคิดการสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยนวัตกรรมที่โดดเด่นและแตกต่าง สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มอบประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีขึ้นให้กลุ่มผู้บริโภคทุกเพศและทุกวัยในหลากหลายมิติ โดยวางเป้าหมายภายใน 3 ปี (2567-2569) สัดส่วนรายได้ของผลิตภัณฑ์พรีเมียมแมส (Premium Mass) ของบริษัทจะเพิ่มเป็น 10% ของพอร์ตฟอลิโอ
“การเป็นผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมที่ก้าวล้ำช่วยขับเคลื่อนให้ NEO เป็นบริษัท FMCG ระดับแถวหน้าของคนไทย เราไม่เคยหยุดนิ่งการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง New S Curve ให้กับตลาด การเฟ้นหานวัตกรรมใหม่เข้ามาทั้งในกระบวนการพัฒนาสินค้าและการผลิต มั่นใจว่าบริษัทก้าวสู่การเป็นบริษัทนวัตกรรมแห่งเอเชียที่นำทัพสินค้าปักธงในนานาชาติ” นางสาวณิชมน กล่าว