posttoday

ทำไม ? SPALI เด้งกลับเร็ว แม้ศาลฯสั่งจ่ายชดเชยลูกบ้าน 6.2 ล้านบาท

05 กันยายน 2567

ศาลแพ่งกรุงเทพใต้พิพากษาให้ "บมจ.ศุภาลัย(SPALI)" จ่ายค่าสินไหมทดแทนลูกบ้าน 12 รายในโครงการ “ศุภาลัย เบลล่าวงแหวน-พระราม2” มูลค่ารวม 6,208,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา 5% ของเงินที่ได้รับ นับตั้งแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นและแก้ไขปัญหาของผู้บริโภคให้เสร็จ

     กลายเป็นประเด็นที่น่าจับตา หลังจากเพจสภาองค์กรของผู้บริโภค โพสต์ข้อความวานนี้(4 ก.ย.67)ระบุว่า "เมื่อช่วงต้นปีพ.ศ. 2566 สภาผู้บริโภคได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภค จำนวน 12 ราย กรณีโครงการบ้านจัดสรร "ศุภาลัย เบลล่า วงแหวน - พระราม2" การก่อสร้างไม่ตรงตามแบบแปลน ใช้วัสดุไม่ได้คุณภาพ ส่งผลให้เกิดปัญหาบ้านชำรุดบกพร่อง พื้นทรุด ได้รับความเสียหาย สภาผู้บริโภคจึงรวบรวมข้อมูลหลักฐานและฟ้องคดี "บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI" แทนผู้บริโภคตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 ส.ค.66

     จนกระทั่งเมื่อวันที่ 28 ส.ค.67 ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ได้พิพากษาให้บริษัทฯ จ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้บริโภคทั้ง 12 ราย เป็นมูลค่ารวม 6,208,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ของเงินที่ได้รับนับตั้งแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น และให้บริษัทฯแก้ไขปัญหาน้ำท่วมหลังฝนตก หรือช่วงน้ำทะเลหนุนบนถนนหน้าบ้านของผู้บริโภคทั้ง 12 ให้เสร็จ เนื่องจากศาลพิจารณาหลักฐานข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่าบริษัทปรับระดับพื้นดินภายในโครงการ รวมถึงพื้นดินบริเวณบ้านของผู้บริโภคต่ำกว่าถนนสาธารณะหน้าโครงการ และก่อสร้างบ้านโดยมีระดับพื้นบ้าน ลานจอดรถ ระดับดินถมบ้าน และระดับชั้น 1 ของบ้านต่ำกว่าแบบก่อสร้างที่ได้ขอและรับอนุญาตจัดสรร ถือว่าการส่งมอบบ้านและที่ดินไม่เป็นไปตามสัญญาหลักเกณฑ์ในการจัดสรรที่ดินที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินสมุทรสาครได้อนุญาต

     อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาพฤติการณ์ของบริษัทแล้ว ไม่ได้มีพฤติการณ์ชัดเจนว่าบริษัทฯ มีเจตนาเอาเปรียบผู้บริโภค จึงไม่ได้กำหนดค่าเสียหายเชิงลงโทษ นอกจากนี้ ศาลมีคำสั่งให้บริษัทฯจ่ายค่าใช้จ่ายและค่าป่วยการให้แก่สภาผู้บริโภค ในอัตราร้อยละ 25 ของค่าสินไหมทดแทนที่จำเลยต้องจ่ายให้แก่ผู้บริโภค หรือคิดเป็นเงินจำนวน 1,552,000 บาท

     หลังจากนี้บริษัทมีระยะเวลายื่นอุทธรณ์คำพิพากษาภายใน 1 เดือนตามที่กฎหมายกำหนด หรืออาจมีการยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาการยื่นอุทธรณ์ออกไปอีก หากบริษัทไม่ใช้สิทธิในการยื่นอุทธรณ์คำตัดสินของศาลก็จะถือเป็นที่สิ้นสุด ทั้งนี้ข้อเท็จจริงที่ถูกระบุในคำพิพากษาจะส่งผลไปยังบ้านที่ยังไม่ได้ฟ้องคดี หากจะฟ้องคดีสำหรับผู้บริโภครายอื่นๆที่เกิดความเสียหายในลักษณะเดียวกันและยังไม่ได้ฟ้องร้องจะอาศัยคำพิพากษาในคดีนี้เป็นแนวทางได้ แต่ต้องใช้สิทธิฟ้องคดีภายในกำหนดอายุความไม่เกิน 10 ปี ตามกฎหมายต่อไป."

     6.2 ล้าน น้อยนิด..มหาศาล!!

     แม้ตัวเลขเงินที่ต้องจ่ายชดเชยให้ลูกบ้านดูเหมือนจะน้อยนิด เมื่อเทียบกับตัวเลขกำไรงวดครึ่งแรกของปี67 ทำได้ 2,212.54 ล้านบาท แต่หากมองให้ลึก เรื่อง "ชื่อเสียงและความเชื่อมั่นของลูกบ้านและผู้ซื้อถือเป็นหัวใจสำคัญของผู้พัฒนาอสังหาฯ" ยิ่งเป็น "บริษัทมหาชน" ที่อยู่ในตลาดหุ้นด้วยแล้ว ยิ่งต้องยึดหลักความเป็นมืออาชีพ คุณภาพสินค้า และ ธรรมาภิบาล(Good Governance) เป็นสำคัญมิใช่หรือ!!!

     ที่สำคัญ "ปากต่อปาก" หากในเรื่องที่ดีย่อมต้องสร้างผลบวก แต่หากกระพือในทางร้ายย่อมส่งผลลบได้อย่างไม่น่าแปลกใจ ยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจย่ำแย่ เงินฝืด และคู่แข่งที่มีดีไม่แพ้กันในยุคนี้ หากโครงการไม่โดดเด่นจริง ยอดขายย่อมต้องมีสะเทือนกันบ้าง

     หากแต่...ดูจากราคาหุ้น "SPALI" ที่ซื้อขายในวันนี้(5 กันยายน 2567) ล่าสุด ณ เวลา 10.51 น. กลับมาบวก 0.30 บาท แตะระดับ 17.60 บาท คิดเป็น +1.73% มูลค่าการซื้อขาย 25.45 ล้านบาท ราคาขึ้นสูงสุด 17.60 บาท และลดลงต่ำสุด 17.30 บาท จากวานนี้ราคาหุ้นปิดที่ 17.30 บาท ดูเหมือนไม่ร้อนไม่หนาวต่อเรื่องดังกล่าวข้างต้นแต่อย่างใด

     เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น!!

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) มองว่ายังมีสิทธิยื่นอุทธรณ์ได้และสามารถไกล่เกลี่ยกันได้ โดยปกติระดับกำไรต่อปีของ SPALI เฉลี่ย 5-7 พันล้านบาท ซึ่งค่าชดเชยเป็นจำนวนเงินไม่มาก อาจไม่มีนัยยะต่อตลาดฯ แต่ทั้งนี้ตลาดฯอาจยังกังวลเรื่องการเพิ่มค่าแรงในช่วงนี้ แต่ในไตรมาส 3/67 คาดว่า SPALI ยังทำยอดโอนและอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นได้ต่อเนื่อง แนะนำรอจังหวะเข้าซื้อเมื่อย่อ ราคาพื้นฐาน 20.40 บาท

ทำไม ? SPALI เด้งกลับเร็ว แม้ศาลฯสั่งจ่ายชดเชยลูกบ้าน 6.2 ล้านบาท

     ยิ่งร่วง ยิ่งน่าซื้อ     

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ประเด็นดังกล่าวมีผลกระทบในมุมที่จำกัดมากต่อผลประกอบการของบริษัท เนื่องจากปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นอยู่ในเพียงโครงการเดียวกันทั้งหมด นอกจากนี้ ตามคำสั่งศาลยังระบุว่า "พิจารณาจากพฤติการณ์ของบริษัทแล้ว ไม่ได้มีพฤติการณ์ชัดเจนว่าบริษัทมีเจตนาเอาเปรียบผู้บริโภค จึงไม่ได้กำหนดค่าเสียหายเชิงลงโทษ" จึงไม่น่าจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ SPALI ในระยะยาว อีกทั้งคำสั่งศาลดังกล่าวยังอยู่ในกระบวนการของศาลชั้นต้น ซึ่ง SPALI ยังสิทธิยื่นอุทธรณ์ออกไปอีก 

     อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์มองว่าราคาหุ้น SPALI ในวันนี้อาจมีการปรับตัวลงรับ sentiment เชิงลบจากประเด็นข่าวดังกล่าว ขณะที่คาดกำไรในไตรมาส 3/67 จะเร่งตัวขึ้นเป็นจุดสูงสุดของปี เติบโตทั้ง QoQ และ YoY จากการโอนคอนโดใน Backlog จำนวนมาก และคาดกำไรในช่วงครึ่งหลังของปี67 จะเติบโต HoH อย่างชัดเจน ส่งผลให้คาดกำไรทั้งปี 67 ยังเติบโต 2.3%YoY และ Div. yield ที่ราว 8.4% จึงมองเป็นโอกาสในการเข้า "ทยอยสะสม" ราคาเป้าหมาย 22 บาท