posttoday

POLAR จ่ออุทธรณ์คัดค้านคำวินิจฉัย หลัง ตลท. สั่งเพิกถอนออกตลาดหุ้น

13 กันยายน 2567

POLAR จ่ออุทธรณ์คัดค้านคำวินิจฉัย ชี้ใช้ดุลยพินิจไม่ชอบด้วยกฎหมายและขัดต่อข้อเท็จจริง หลังคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ มีมติให้เพิกถอนหุ้นสามัญจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน เหตุยังไม่สามารถดำเนินการให้มีคุณสมบัติกลับมาซื้อขายได้ภายในระยะเวลาอันใกล้นี้

นายทิศชวน นานาวารทร ประธานกรรมการ บริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) หรือ POLAR เปิดเผยว่า ตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้มีหนังสือมายังบริษัท และบริษัทได้รับหนังสือดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 11 ก.ย.2567 โดยมีสาระสำคัญ สรุปดังนี้

1. จากเหตุที่หุ้นสามัญของบริษัทเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนตามข้อ 7 (6) (ข) ของข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งต่อมาบริษัทสามารถแก้ไขเหตุดังกล่าวได้ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงประกาศให้บริษัทเข้าสู่ช่วงดำเนินการเพื่อให้มีคุณสมบัติกลับมาซื้อขาย ทำให้บริษัทมีหน้าที่ต้องดำเนินการเพื่อให้มีคุณสมบัติกลับมาซื้อขายได้ตามหลักเกณฑ์และภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ฯ

2. บริษัทได้จัดทำรายงานควาบคืบหน้าในการดำเนินการเพื่อให้มีคุณสมบัติกลับมาซื้อขาย พร้อมเหตุผล และข้อมูลสนับสนุนข้อเท็จจริงไปยังตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมทั้งชี้แจงแผนการดำเนินงานของบริษัท และรายละเอียดของการดำเนินงาน

3. คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้พิจารณาข้อเท็จจริง คำชี้แจง และเอกสารหลักฐานของบริษัท เห็นว่าจนถึงปัจจุบันบริษัทยังไม่สามารถดำเนินการให้มีฐานะการเงินและผลการดำเนินงานที่มั่นคงอย่างต่อเนื่องจนมีคุณสมบัติกลับมาซื้อขายได้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดภายในระยะเวลาอันใกล้นี้ ดังนั้นคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงมีมติให้เพิกถอนหุ้นสามัญของบริษัทจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน

บริษัทขอเรียนแจ้งว่า บริษัทไม่เห็นด้วยกับเหตุผลและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการตลาดหลักทรัพยฯ ดังกล่าว ทุกข้อ ทุกประเด็น โดยบริษัทเห็นว่าหุ้นสามัญของบริษัทไม่มีเหตุเข้าข่ายถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนตามข้อบังคับฯ ไม่ว่าข้อใด เหตุดังกล่าว ถ้าหากจะมีอยู่จริงก็เป็นเหตุที่สามารถแก้ไขได้ภายในระยะเวลาอันสมควร และเห็นว่าดุลยพินิจของคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ ที่ให้เพิกถอนหุ้นสามัญของบริษัทออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนเป็นการใช้ดุลยพินิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและขัดต่อข้อเท็จจริง

เพื่อให้บริษัทสามารถปกป้องผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น 8,648 ท่าน ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยของบริษัทได้อย่างสูงสุด และสอดคล้องกับเจตนารมณ์ในการจัดตั้งและการดำรงอยู่ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทจึงขอแจ้งยืนยันแนวทางการดำเนินการต่อไปว่า บริษัทจะอุทธรณ์คัดค้านคำวินิจฉัยดังกล่าวต่อคณะกรรมการอุทธรณ์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายต่อไปจนกว่าจะถึงที่สุด