posttoday

"OKJ" พร้อมเทรด 4 ต.ค.นี้ จับตาบิ๊กล็อต 31.8 ล้านหุ้นให้ "OR"

19 กันยายน 2567

ฮอตเวอร์! "โอ้กะจู๋ (OKJ)" แย้มสถาบันแห่จองล้น พร้อมเดินหน้าเทรด SET วันที่ 4 ตุลาคม 2567 ที่ราคา 6.70 บาท เปิดจองซื้อ 23-25 ก.ย.นี้ ด้านที่ปรึกษาการเงินชี้อย่าตกใจ บิ๊กล็อตวันเทรด 31.8 ล้านหุ้นให้ "OR" แค่ปรับโครงสร้างคงสัดส่วนถือหุ้นตามแผน 20%

     นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ เปิดเผยว่า "โอ้กะจู๋" ในวันนี้ถือว่ามาไกลเกินฝันมาก การเติบโตจากนี้คงเน้นให้ความสำคัญตั้งแต่ต้นน้ำและกลางน้ำ นั่นก็คือ "ฟาร์มผัก และโรงงาน" ดังนั้นการขยายจึงเน้นในเรื่อง Quality Growth ทุกอย่างต้องมีความพร้อมที่จะรองรับการขยายได้ถึงจะทำ

ปีนี้บริษัทมีแผนขยายร้านโอ้กะจู๋เพิ่ม 37-40 สาขา ตั้งเป้าขยายครบ 67สาขาในปี 2571 คาดใช้เงินสาขาละ 15 ล้านบาท ปัจจุบันยอดขายต่อสาขาเดิมเติบโต (SSSG)เติบโต 9%

     อีกทั้งการได้พาร์ทเนอร์ที่ดีอย่าง "บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR" นับตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาถือหุ้น 20% ถือว่าซัพพอร์ตหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดาต้า ข้อมูล การเปิดสาขา ความเป็นมืออาชีพ โอกาสและช่องทางการขยายสาขา และด้วยเจตนาของ OR จะยังคงรักษาสัดส่วนการถือหุ้นในระดับดังกล่าวต่อไป แม้ในช่วงแรกทาง OR ตั้งใจที่จะถือหุ้น 30%

     ขณะที่ ราคาเสนอขายไอพีโอที่ 6.70 บาทต่อหุ้นนั้น ส่วนตัวมองว่าเป็นราคาที่สมเหตุสมผลตามตัวเลขต่างๆ คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) 24.13 เท่า หากพิจารณาผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในช่วง 12 เดือนย้อนหลังสะท้อนพื้นฐานและศักยภาพการเติบโต

     ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 1,110.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 42.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 778 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 102.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 73.9 ล้านบาท ผลจากรายได้การเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม และการขยายสาขารูปแบบ Full-service Restaurant 6 สาขา อีกทั้ง เริ่มรับรู้รายได้จากแบรนด์ใหม่ ได้แก่ ร้าน Ohkajhu Wrap & Roll ที่เริ่มเปิดสาขาแรกเดือนเมษายน 2567 และร้าน Oh! Juice ที่เริ่มเปิดสาขาแรกเดือนพฤษภาคม 2567 เป็นต้นมา

\"OKJ\" พร้อมเทรด 4 ต.ค.นี้ จับตาบิ๊กล็อต 31.8 ล้านหุ้นให้ \"OR\"

จ่อโยนบิ๊กล็อตวันเทรด

     นางสาวอาทิตยา ปัญจทรัพย์ หัวหน้าฝ่ายตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า เพื่อคงความเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ภายหลัง IPO ทาง บริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด (Modulus) บริษัทลูกของ "บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR" ได้ทำสัญญาซื้อขายหุ้น โดยจะซื้อหุ้นสามัญเดิมจากผู้ร่วมก่อตั้งรวม 31.8 ล้านหุ้น คิดเป็น 5.2% ของจำนวนหุ้นหลัง IPO บนกระดานรายใหญ่ (Big Lot Board) ในราคาเดียวกับราคาเสนอขายหุ้น IPO ในวันแรกที่หุ้น OKJ เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นที่ 20% ภายหลังการ IPO และคาดว่าจะได้เห็นความร่วมมือในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ หรือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่เหมาะสมและตรงกับกลุ่มเป้าหมายเพื่อวางจำหน่ายในร้าน Café Amazon

"วันเข้าเทรดทางผู้บริหารโอ้กะจู๋จะขายบิ๊กล็อตจำนวน 31.8 ล้านหุ้นให้ OR ไม่ต้องตกใจเพราะเป็นการปรับโครงสร้างการถือหุ้นให้คงตามสัดส่วน 20% เท่านั้น"

\"OKJ\" พร้อมเทรด 4 ต.ค.นี้ จับตาบิ๊กล็อต 31.8 ล้านหุ้นให้ \"OR\"

เข้าเทรด 4 ต.ค.นี้

     หุ้น OKJ คาดเข้าจดทะเบียนและซื้อขายวันแรกในวันที่ 4 ตุลาคม 2567นี้ หลังกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 6.70 บาทต่อหุ้น จากทำการสำรวจความต้องการจองซื้อของนักลงทุนสถาบัน (Bookbuilding) ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยมีนักลงทุนสถาบันแสดงความต้องการจองซื้อเกินกว่าจำนวนหุ้นที่จัดสรรไว้ 11 เท่า ที่ราคาสูงสุดดังกล่าว

     โดยเตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหุ้น IPO ในวันที่ 23 – 25 กันยายน 2567 โดยมี บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และมีบริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO 

     ปัจจุบัน OKJ มีทุนจดทะเบียน 304.5 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 609 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.5 บาท โดยมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 225.0 ล้านบาท เป็นหุ้นสามัญจำนวน 450 ล้านหุ้น โดยจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 159 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 26.1 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO ไปใช้ขยายสาขา สร้างครัวกลางแห่งใหม่ เพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจ