posttoday

ผ่าเกม "หุ้นวายุภักษ์" ในมือ "คลัง-กองทุนVAYU" ยังน่าซื้อ รึ แพงเกิน ?

21 กันยายน 2567

คัดให้ "หุ้นวายุภักษ์" เข้าธีม "คลังและกองทุน VAYU ถือติดพอร์ต - ESG เรตติ้งสูง - ราคายังไม่ฟื้น - กำไรปี 2567 โตต่อปี 2568 - ปันผลสูงกว่า 5%" แต้มต่อเม็ดเงินลงทุนแสนล้านไหลเข้าเดือนตุลาคมนี้

     จบไปแล้ว! ปิดการจองซื้อ "กองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง" แก่นักลงทุนทั่วไปและนักลงทุนสถาบัน เมื่อวันที่ 20 ก.ย.67 ที่ผ่านมา หลังจากเปิดจองตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.67 ซึ่งไทม์ไลน์จากนี้กองทุนฯจะเริ่มลงทุนในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ 1 ต.ค.67 เป็นต้นไป และในวันที่ 15 ต.ค.67 หน่วยลงทุน VAYU1 เข้าซื้อขายในตลาด  

     คาดหวังเม็ดเงินลงทุนกว่าแสนล้านบาทจะไหลเข้ามาในช่วงต้นเดือน ต.ค. และหลายฝ่ายต่างคาดหวังเม็ดเงินจะมากกว่า 1.5 แสนล้านบาทซึ่งจะช่วยผลักดันดัชนีหุ้นไทยขยับขึ้นต่อได้ แม้บทสรุปยอดจองซื้อวายุภักษ์หนึ่งจวบจนวันนี้(21 ก.ย.67)ยังไร้ตัวเลขที่แน่ชัดออกมาก็ตาม 

     แต่กระนั้น "หุ้นวายุภักษ์" ถูกโฟกัสมานานนับเดือนและราคาหุ้นมีแรงเก็งกำไรเข้ามาอย่างต่อเนื่อง คำถาม คือ หุ้นที่กองทุนรวมวายุภักษ์หมายตา วันนี้ราคาหุ้นถูก หรือ แพง ? และ น่าสนใจหรือไม่ ? 

     ทีมข่าว "โพสต์ทูเดย์" ได้รวบรวมข้อมูล "หุ้นวายุภักษ์" ที่น่าสนใจ ภายใต้เงื่อนไข 5 ข้อสำคัญ ข้อแรก คือ "ต้องเป็นหุ้นที่ถือโดย กระทรวงการคลัง , กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง , กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) และ กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน)" เนื่องด้วยน่าจะเป็นหุ้นที่เป็นเป้าหมายและโอกาสที่เม็ดเงินลงทุนจากการเปิดจองซื้อกองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่งในการเข้าซื้อหุ้นเพิ่ม

     โจทย์ที่สอง คือ "กำไรปี 2567 - 2568 โตต่อเนื่อง"

     โจทย์ข้อที่สาม คือ "ESG Score อยู่ระดับ AAA"

     โจทย์ข้อที่สี่ คือ "อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ปีนี้จนถึงปีหน้าต้องมากกว่า 5%ขึ้นไป"

     และ โจทย์ข้อสุดท้าย คือ "ราคานับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน(YTD)เพิ่มขึ้นหรือลดลงมากน้อยแค่ไหน" หากราคาหุ้นเป็นบวกนั่นอาจสะท้อนการปรับขึ้นมาค่อนข้างแรง แต่หากราคายังติดลบนั่นอาจบ่งชี้ว่าราคายังถูก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องใช้หลายแนวทางในการพิจารณาประกอบการลงทุนเช่นกัน

ผ่าเกม \"หุ้นวายุภักษ์\" ในมือ \"คลัง-กองทุนVAYU\" ยังน่าซื้อ รึ แพงเกิน ?

     ทั้งนี้ ทีมข่าว "โพสต์ทูเดย์" รวบรวมหุ้นที่เข้า 5 เงื่อนไขสำคัญมีรายละเอียดดังนี้คือ

     1. กระทรวงการคลังและกองวายุภักษ์ฯ อิงข้อมูลจาก SETSMART พบว่าถือหุ้นทั้งหมด 31 บริษัท คือ AOT , ADVANC , BBGI ,BBL , *BCP , BKIH , BEYOND , BSRC , CENTEL , DMT , GLOBAL , HMPRO , IVL , KBANK , KCE , KTB , KWC , MCOT , MFC , NEP (ตลท.ขึ้นเครื่องหมาย CB (Caution - Business) เตือนว่าบริษัทเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับฐานะการเงินหรือผลการดำเนินงาน), OR, *PTT , RPH , SCB , SCC , SCCC , SCGP , SPRC , TFFIF , THAI (อยู่ระหว่างฟื้นฟูกิจการ) และ TTB

ผ่าเกม \"หุ้นวายุภักษ์\" ในมือ \"คลัง-กองทุนVAYU\" ยังน่าซื้อ รึ แพงเกิน ?

     2. กำไรปี 2567-2568 โตต่อเนื่อง อิงข้อมูลจาก IAA Consensus พบว่า 23 บริษัทกำไรโตต่อเนื่อง ดังนี้คือหุ้น AOT , ADVANC , BBGI ,BBL , *BCP , BEYOND , BSRC , CENTEL , DMT , GLOBAL , HMPRO , IVL , KBANK , KCE , KTB , OR , *PTT ,  SCB , SCC , SCCC , SCGP ,TFFIF , TTB 

     3. ESG Score อยู่ระดับ AAA อิงข้อมูลจากเว็บไซต์ SETTRADE พบว่า 9 บริษัทมีเรตติ้งสูงดังนี้ ADVANC , *BCP , BKIH , KBANK , KTB OR , *PTT , SCC , SCGP

     4.  Dividend Yield สูงกว่า 5% ต่อเนื่องในปี 2567-2568 อิงข้อมูลจาก IAA Consensus พบว่า 8 บริษัทที่มียิลด์สูงคือ *BCP , DMT , *PTT , SCB , SCCC , SPRC , TFFIF , TTB

     5. ราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน(YTD) ระหว่างวันที่ 2 ม.ค. - 20 ก.ย.2567 ข้อมูลจาก SETSMART พบว่า 17 บริษัทที่ราคายังไม่บวก ดังนี้คือ BBL -1.28% , *BCP -15.52% , BEYOND -16.53% , BSRC -5.88% , CENTEL -10.29% , DMT -14.07% , GLOBAL -9.88% , HMPRO -11.11% , IVL -9.72% , KCE -27.73% , MCOT -10.69% , OR -9.42% , *PTT -6.99% , RPH -8.59% , SCC -22.22% , SCGP -20.83% , SPRC -16.97%

ผ่าเกม \"หุ้นวายุภักษ์\" ในมือ \"คลัง-กองทุนVAYU\" ยังน่าซื้อ รึ แพงเกิน ?

     หากคัดกรองเฉพาะหุ้นที่เข้าธีม "คลังถือหุ้น , กำไรโตต่อเนื่องจนถึงปีหน้า , ESG เรตติ้งระดับ AAA , ปันผลมากกว่า 5% และราคายังไม่ขึ้นแรง" พบว่ามีเพียง 2 บริษัทเท่านั้นที่เข้าธีมที่สุด นั่นก็คือ "BCP" อัตราส่วนราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) 3.54 เท่า PEG 0.03 เท่า อัตราส่วนราคาตลาดต่อมูลค่าตามบัญชี(Price to Book Value (P/BV)) 0.67 เท่า มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) 50,601.93 ล้านบาท

     และ "PTT"  อัตราส่วนราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) 7.39 เท่า PEG 0.10 เท่า P/BV 0.8 เท่า Market Cap. 949,719.63 ล้านบาท

"หุ้น BCP ปิดการซื้อขายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 36.75 บาท ราคาหุ้น YTD ยังคงติดลบ -15.52% แต่ ESG เรตติ้งระดับ AAA กำไรปีนี้ 9,247.31 ล้านบาท ยิลด์ 5.64% ส่วนกำไรปีหน้า 11,026.08 ล้านบาท ยิลด์ 6.19% ราคาเป้าหมายปีนี้ 46.41 บาท 
ขณะที่หุ้น PTT ปิดที่ 33.25 บาท ราคา YTD ยังคงติดลบ -6.99% แต่ ESG เรตติ้งระดับ AAA กำไรปีนี้ 97,906.70 ล้านบาท ยิลด์ 5.56% ส่วนกำไรปีหน้า 103,614.25 ล้านบาท ยิลด์ 5.76% ราคาเป้าหมายปีนี้ 38.13 บาท"

 

จุดวัดใจ

     ภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) กล่าวว่า หลังจากปิดยอดจองซื้อวายุภักษ์เมื่อวันที่ 20 ก.ย.2567ที่ผ่านมา นักลงทุนมองว่าจะมีเม็ดเงินกว่า 1 แสนล้านบาทไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2567 ประกอบกับมีการเก็งกำไรล่วงหน้าว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาผลักดันดัชนีไปต่อได้ แต่ตลาดหุ้นอาจจะพักก่อนเพราะวิ่งมาราธอนมานาน ดัชนีอาจจะพักเติมพลัง โดยเฉพาะหากดัชนีเกินระดับ 1,480 จุด ใกล้ 1,500 จุดอาจจะพักเชิงจิตวิทยา

     นอกจากนี้ สังเกตุการซื้อของนักลงทุนสถาบันในช่วง 3-4 วันแรกของเดือน ต.ค. หรือตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2567 ว่าสถาบันรายงานซื้อหลักพันล้านบาทเข้ามาต่อเนื่องหรือไม่และตลาดหุ้นไปต่อหรือไม่ เพราะหากสถาบันซื้อแต่ตลาดหุ้นไปต่อไม่ไหว นั่นอาจบ่งบอกว่าตลาดอาจจะอยากพักจากแรงเก็งกำไรเม็ดเงินจองซื้อวายุภักษ์ที่จะเข้ามาช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้

"ตลาดจะพักหรือไม่ อาจต้องรอดูช่วงเข้าใกล้ 1,500 จุด หรือ รอดูตลาดช่วง 3-4 วันแรกของ 1ต.ค.2567 ถ้าสถาบันซื้อแต่หุ้นไม่ค่อยไปเราต้องเตรียมหาจังหวะหมุนพอร์ตบ้าง เพราะการขึ้นมาจากวายุภักษ์มีแรงขายทำกำไรรอ แล้วยิ่งสถาบันซื้อเยอะแต่หุ้นไม่ไปไหนแสดงว่าโมเมนตัมชะลอ แต่ถ้าสถาบันซื้อแล้วหุ้นไปต่อ เราก็ปล่อย Let Profit Run แต่ยังไงก็ต้องระวังเพราะดัชนีขึ้นมาแรง"

 

ยอดจอง"วายุภักษ์"วันแรกทะลุหมื่นล้าน คาด 5 วันไม่ต่ำกว่า 3.5 หมื่นล้าน