posttoday

คำต่อคำ: ผ่าอนาคต"การบินไทย"กับแผนทวงคืนเบอร์หนึ่งสายการบิน

03 ตุลาคม 2567

"การบินไทย (THAI)" บินไกลกว่าเดิม เร่งเกมแปลงหนี้เป็นทุนตามแผน-ล้างขาดทุนสะสม-จ่ายปันผล พร้อมเคาะราคาหุ้นชัดเจนในสัปดาห์หน้า ชี้ราคาต้องยุติธรรม ก่อนกลับมาเทรดตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 2/2568

     วันนี้ที่รอคอย!!

     ใครจะเชื่อว่า "บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI" ที่มีอายุกว่า 60 ปี ก่อตั้งเมื่อปีพ.ศ. 2503 ที่สำคัญเป็นสายการบินที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ กลับต้องเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการ จากวันนั้นจนวันนี้ใช้เวลากว่า 3 ปี ด้วยการเร่งปรับโครงสร้าง ลดต้นทุน ขายทรัพย์สินช่วยให้ผ่านวิกฤติต่างๆมาได้ 

     ในวันนี้เข้าสู่กระบวนการออกจากกระบวนการฟื้นฟูกิจการ หลังจากบรรลุเป้าหมายของแผนการดำเนินงานตามขั้นตอนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 3.37 แสนล้านบาท เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2565 การเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจจนทำให้ EBITDA หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามสัญญาเช่าเครื่องบิน ตั้งแต่ ก.ค.2566 ถึง มิ.ย.2567 อยู่ที่ 29,292 ล้านบาท สูงกว่าที่แผนฟื้นฟูกิจการกำหนดไว้ที่ไม่น้อยกว่า 20,000 ล้านบาทในรอบ 12 เดือนย้อนหลัง และ การดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ โดยไม่เกิดเหตุผิดนัด

คำต่อคำ: ผ่าอนาคต\"การบินไทย\"กับแผนทวงคืนเบอร์หนึ่งสายการบิน

     นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI กล่าวว่า หลังการปรับโครงสร้างทุนภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการในครั้งนี้คาดว่ากระทรวงการคลังจะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ แต่สัดส่วนการถือหุ้นจะลดลง เพื่อเปิดโอกาสให้กับนักลงทุนรายอื่นๆ ซึ่งกระบวนการปรับโครงสร้างทุนตามที่แผนนี้จะเสร็จสิ้นภายในปีนี้ ก่อนที่จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ และ คาดว่าจะสามารถยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ และ นำหุ้นของการบินไทยกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯภายในไตรมาส 2/2568

คำต่อคำ: ผ่าอนาคต\"การบินไทย\"กับแผนทวงคืนเบอร์หนึ่งสายการบิน

     และเมื่อวันที่ 13 ก.ย.2567 การบินไทยยื่นคำร้องขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กองฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ กรมบังคับคดี เพื่อขอลดมูลค่าหุ้นที่ตราไว้(พาร์)จากปัจจุบันที่หุ้นละ 10 บาท เพื่อนำมาล้างขาดทุนสะสม ที่มีอยู่ราว 60,000 ล้านบาท ซึ่งจะนัดประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการในวันที่ 8 พ.ย.2567นี้ หากเจ้าหนี้เห็นชอบอนุมัติให้ลดพาร์ก็จะดำเนินการในเดือน ก.พ.2568 หลังงบปี 2567 ออกและเพิ่มทุนเสร็จสิ้นรองรับแผนนำหุ้นกลับมาเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯและจะกลับมาจ่ายเงินปันผลได้

     "เรื่องราคาหุ้นที่จะกลับมาเทรดนั้นตอนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของทางที่ปรึกษาการเงิน ซึ่งก็ต้องเป็นราคาที่ตั้งอยู่บนความยุติธรรม"

     อย่างไรก็ดี จากข้อมูลใน SETSMART พบว่า ราคาหุ้น THAI ปิดการซื้อขายครั้งสุดท้ายในวันที่ 17 พ.ค.2564 อยู่ที่ 3.32 บาท โดยมีปริมาณซื้อขายแบบ AOM จำนวน 153,957.60 พันหุ้น มูลค่าซื้อขายแบบ AOM ที่ 491.85 ล้านบาท

คำต่อคำ: ผ่าอนาคต\"การบินไทย\"กับแผนทวงคืนเบอร์หนึ่งสายการบิน

อนาคต THAI

     นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.การบินไทย (THAI) กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้แตะระดับ 180,000 ล้านบาท จากที่ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ทำได้ 90,000 ล้านบาท ด้วยในช่วงครึ่งปีหลังเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นธุรกิจ

     รายได้ประจำของ "การบินไทย" คือ "ธุรกิจการบิน" แต่ที่มีรายการพิเศษเข้ามาก็มาจากการขายทรัพย์สินที่รับรู้เข้ามาเพียงครั้งเดียวราว 10,000 ล้านบาท แต่ตอนนั้นเราปรับโครงสร้างและต้องจ่ายชดเชยให้กับพนักงานที่จำเป็นต้องจากองค์กรนี้ไป และวันนั้นถ้าเราไม่ทำแบบนั้นเราก็ไม่สามารถจะเดินอย่างวันนี้ได้ เพราะเราไม่มีเงินที่จะไปจ่ายชดเชยให้พนักงานที่เสียสละจะไม่รับในวันนั้น ซึ่งพนักงานก็รับความเสี่ยงเช่นกัน 

     "ผมก็ไม่รู้หรอกว่า"การบินไทย"จะเดินมาถึงวันนี้หรือไม่ พนักงานก็แบกรับความเสี่ยงไว้ แต่วันนี้ทุกอย่างผ่านพ้นและจบไปแล้ว วันนี้เรามาเริ่มใหม่ ดังนั้นรายได้จากรายการพิเศษอย่างมีนัยยะสำคัญไม่มีแล้ว แต่อาจจะมีเพียงเล็กน้อยในการขายเครื่องยนต์หรือขายรถที่ไม่ใช้งานบางส่วนถือเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่มีสาระสำคัญ" 

     อย่างไรก็ดี แผนจากนี้คือ เดินหน้าเพิ่มจำนวนเครื่องบินจากนี้จนถึงปี 2572 แตะ 143 ลำ ส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 27% ซึ่งตามจริงต้องชิงแชร์ความเป็นสายการบินเจ้าบ้านมากกว่า 50% ส่วนในปี 2576 จำนวนเครื่องบินจะแตะระดับ 150 ลำ ซึ่งในปี 2567 นี้ มีเครื่องบินรวม 79 ลำ จากปัจจุบันมีอยู่ 77 ลำ พร้อมอัพเกรดสายการบิน การบริการ และเพิ่มช่องทางการขายตรงของบริษัท มากกว่าผ่านเอเจ้นท์หรือตัวแทนจำหน่ายต่างๆ พร้อมกับการพัฒนาแอพพลิเคชั่นเพื่อตอบโจทย์ยุคปัจจุบัน

     นายปิยสวัสดิ์ กล่าวเสริมว่า "คนชอบพูดเยอะมากว่าฟื้นฟูฯครั้งนี้ใครๆก็ทำได้เพราะมาจากการขายทรัพย์สินถึงได้เงินเยอะแยะ วันนี้เรามีเงินสด 82,000 ล้านบาท โดย 10,000 ล้านบาทมาจากการขายทรัพย์สินที่ไม่มีความจำเป็น และอีก 70,000 ล้านบาทที่อยู่ในบัญชีมาจากการประกอบการธุรกิจการบินและธุรกิจอื่นๆของบริษัท"

คำต่อคำ: ผ่าอนาคต\"การบินไทย\"กับแผนทวงคืนเบอร์หนึ่งสายการบิน

เงินบาทแข็งค่าเร็วส่งผลต่อ "การบินไทย" มากน้อยแค่ไหน ?

     นายชาย กล่าวว่า จากตัวเลขในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ที่ผ่านมา "การบินไทย" ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนราว 6,000 ล้านบาท ซึ่งในอดีตถามว่ามีผลกระทบหรือไม่ ยอมรับว่ามีแต่น้อยมาก เพราะที่ผ่านมา "การบินไทย" ทำ FX Exchange บริหารความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนไว้ในอดีต

     แต่พอเข้าแผนฟื้นฟูฯเราโดนบังคับให้ปิดสัญญาเหล่านั้นออกทั้งสิ้น เนื่องจากสถานะภาพของบริษัทไม่ได้อยู่ในสถานะภาพที่คู่ค้ารับได้ โดนบังคับด้วยกฎหมาย แต่ปัจจุบันทางผู้บริหารแผนฯได้มีนโยบายให้บริษัทเข้าไปบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้แต่เราทำไปแล้ว เพราะอัตราแลกเปลี่ยนถือเป็นความเสี่ยงใหญ่ที่ไม่ได้เกิดจากผลประกอบการ แต่มีผลต่อกำไรสุทธิของบริษัท

คำต่อคำ: ผ่าอนาคต\"การบินไทย\"กับแผนทวงคืนเบอร์หนึ่งสายการบิน

แผนลดต้นทุนและเพิ่มสัดส่วนการตลาด ?

     นายชาย กล่าวว่า เราลดต้นทุนตั้งแต่ช่วงเข้าแผนฟื้นฟูกิจการ โดยต้นทุนหลักของงานบริหาร คือ "บุคลากร" และอีกตัวอย่าง คือ ต้นทุนทางด้านการตลาด ต้นทุนการขายที่ลดน้อยลง ด้วยการเน้นขายตรงของบริษัทมากขึ้น การพัฒนาแอพพลิเคชั่นในการบริการที่เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น User friendly ลดสัดส่วนการขายผ่านตัวแทนจำหน่ายอื่นๆ 

     ถามว่าในอนาคตจะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะสามารถคงสภาพการแข่งขันทางด้านต้นทุนได้ ในระยะยาวส่วนตัวตอบได้ว่าตอนนี้เราวางรากฐานโพรดักส์ เซอร์วิส เราวางรากฐานระบบไว้ทั้งหมดแล้ว ซึ่งในระยะยาวอีก 10 ปีข้างหน้าเพื่อความยุติธรรมกับท่านผู้วางแผน และทีมบริหารชุดนี้ ผมคงตอบไม่ได้เพราะไกลเกินไปที่จะตอบ เป็นหน้าที่ของผู้ถือหุ้น และ คณะกรรมการที่จะเข้ามาดูแลบริษัทให้อยู่รอดปลอดภัยเหมือนกับปัจจุบันนี้ต่อไป พวกเราต้องคอยเฝ้าดู คอยติดตามผลการดำเนินงานของบริษัท

     ส่วนเรื่องสัดส่วนการตลาด ด้วยความที่ยื่นไฟลิ่งไปแล้วอาจจะลงลึกในรายละเอียดไม่ได้ แต่ตัวเลขคราวๆคือเราจะพยายามทำให้ใกล้เคียงกับในอดีตที่ผ่านมา

     นายปิยสวัสดิ์ กล่าวเสริมว่า มันจะเป็นครั้งแรกที่ส่วนแบ่งตลาดในประเทศไทยจะค่อยๆเพิ่มขึ้นใน 10 ปีข้างหน้าหลังจากที่เราลดมาโดยตลอด 20 ปีที่ผ่านมา แต่อีก 10 ปีจากตัวเลขถือว่ายังต่ำกว่ามากกับช่วงที่ผมยังเป็นดีดีการบินไทย เพราะว่าตลาดโตขึ้นเยอะมาก แต่ "การบินไทย" ไม่ได้โตนำ

คำต่อคำ: ผ่าอนาคต\"การบินไทย\"กับแผนทวงคืนเบอร์หนึ่งสายการบิน

การแทรกแซงจากนโยบายรัฐบาลจะไม่เกิดขึ้นอีกหรือไม่ ?

     นายปิยสวัสดิ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับผู้ถือหุ้นอย่างกระทรวงการคลัง , เจ้าหนี้ที่จะแปลงหนี้เป็นทุน สถาบันการเงิน หุ้นกู้ที่จะแปลงหนี้เป็นทุน ฯลฯ ที่จะต้องเลือกกรรมการที่ดีเพื่อให้สามารถบริหารจัดการได้ในลักษณะที่คล้ายกับในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เพื่อให้เกิดความยั่งยืน อย่าให้มันกลับไปเป็นอย่างเดิม เพราะสมัยก่อนต้องยอมรับว่ามันมีการลดระเบียบปฎิบัติเยอะแยะของภาครัฐต้องปฏบัติตามขั้นตอนการขออนุมัติต่างๆ การตัดสินใจทำได้ช้า

     และมีการแทรกแซงที่ปฏิเสธไม่ได้เลย มีการแทรกแซงโดยการโยกย้าย แต่งตั้งในโอกาสต่างๆ แต่ "การบินไทย" เป็นบริษัทที่แข่งขันสูงมาก ดังนั้นหากได้คนไม่ดีขึ้นมาบริหาร บริษัทไปไม่ได้แน่ ไปสู้กับคู่แข่งอื่นๆไม่ได้ แต่บริษัทยักษ์ใหญ่อื่นที่รัฐถือหุ้นอาจมีการแทรกแซงบ้างหรืออาจจะให้คนไม่ดีขึ้นมาบริหารได้บ้าง เพราะเขามีกิจการที่ผูกขาด แต่ "การบินไทย" ไม่มีผูกขาดเลย โดยเฉพาะภายใต้นโยบายของรัฐที่เป็นน่านฟ้าเสรีมาเป็นเวลากว่า 20 ปี  

คำต่อคำ: ผ่าอนาคต\"การบินไทย\"กับแผนทวงคืนเบอร์หนึ่งสายการบิน

ผลกระทบความรุนแรงด้านภูมิรัฐศาสตร์มีผลต่อ THAI หรือไม่ ?

     นายชาย กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่ไม่ปกติที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาส่วนใหญ่เกิดขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลาง ปัจจุบันนี้การบินไทยไม่มีเที่ยวบินเข้าตะวันออกกลางเลยแม้แต่ไฟรท์เดียว มีใกล้เคียงที่สุดคือปากีสถาน , ตุรกี และบินข้ามไปยุโรป แม้กระทั่งสงครามย่อยระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตลในช่วงที่ผ่านมา อาจจะมีผลกระทบบ้างเล็กน้อยในช่วงแรกในเรื่องความมั่นใจของผู้โดยสาร แต่หลังจากนั้นพอเหตุการณ์เริ่มคงที่และผ่อนคลายลงก็ไม่มีผลต่อการเดินทาง สถานการณ์ในครั้งนี้ก็เช่นกัน การบินไทยไม่ได้บินไปตะวันออกกลางแต่บินข้ามไปบนความสูงกว่า 30,000 ฟุต ดังนั้นผมจึงคิดว่าไม่มีผลต่อเที่ยวบินและความมั่นใจของผู้โดยสาร

คำต่อคำ: ผ่าอนาคต\"การบินไทย\"กับแผนทวงคืนเบอร์หนึ่งสายการบิน

โอกาสที่ THAI กลับมาคงสถานะรัฐวิสาหกิจ ?

     นายพรชัย ฐีระเวช คณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ ในฐานะตัวแทนกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ความกังวลว่าการกลับเข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้นของ "การบินไทย" จะทำให้กลับไปเป็นรัฐวิสาหกิจอีกครั้งนั้น จากโครงสร้างผู้ถือหุ้นหลังจากที่มีการปรับโครงสร้างทุนได้แสดงเจตจำนงค์ในการแปลงหนี้เป็นทุน ขึ้นอยู่ว่าเจ้าหนี้กลุ่มที่ 4 นั่นก็คือกระทรวงการคลังถูกบังคับให้แปลงหนี้ 100% ท้ายที่สุดเมื่อสัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลังและกองทุนรวมวายุภักษ์ เมื่อเปรียบเททียบกับกลุ่มผู้ถือหุ้นอื่นๆซึ่งมาจากการแปลงหนี้เป็นทุนแล้ว สัดส่วนเจ้าหนี้อื่นจะเพิ่มขึ้น ดังนั้น "โอกาสที่การบินไทยจะกลับไปเป็นรัฐวิสาหกิจโดยโครงสร้างต่างๆน่าจะเป็นไปได้ยาก"

     "หลังจากที่ "การบินไทย"ออกจากแผนฟื้นฟูฯถ้าตามโครงสร้างการถือหุ้นที่ได้พูดคุยกัน "การบินไทย"จะเป็นบริษัทเอกชน ซึ่งจะอยู่ในระดับเดียวกับสายการบินอื่น มาตรการเรื่องของการดูแลไม่แตกต่างกัน และตามที่คุณชายได้ฉายภาพคือ ต่อไป "การบินไทย" จะเป็นจ้าวบ้านมีสัดส่วน 40-50% สะท้อนให้เห็นว่าเราจะเข้าสู่เวิลด์ไวด์สแตนดาร์ด ดังนั้นโอกาสที่เราจะเป็นในเรื่องของแต้มต่อจะไม่มี แต่เราจะแข่งกับ เวิล์ดคลาส สแตนดาร์ด ดังนั้นผมว่าลืมเรื่องเก่าๆดีกว่า"

 

คลังมีนโยบายขายหุ้นในพอร์ต มีโอกาสขายหุ้น THAI หรือไม่ ? 

     นายพรชัย กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ทราบเรื่องนี้ เพราะผมอยู่ "สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)" ไม่ได้อยู่ "สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)" ถ้าเกิดเป็นเรื่องของ สคร.น่าจะมีการหารือร่วมกับผู้ที่ดูแลนโยบายนี้โดยตรง ผมไม่แน่ใจเรื่องนี้ ขออนุญาติไม่ตอบคำถามนี้เพราะไม่ทราบจริงๆ

คำต่อคำ: ผ่าอนาคต\"การบินไทย\"กับแผนทวงคืนเบอร์หนึ่งสายการบิน

แผนปรับโครงสร้างทุน

     นางเฉิดโฉม เทอดสถีรศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ.การบินไทย (THAI) กล่าวว่า แผนฟื้นฟูกิจการที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบการขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการ เมื่อวันที่ 20 ต.ค.2565 กำหนดให้ในการปรับโครงสร้างทุนตามแผนฯ บริษัทต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อรองรับการแปลงหนี้เดิมของเจ้าหนี้ตามแผนฯ เป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Mandatory Conversion) จำนวนไม่เกิน 14,862,369,633 หุ้น ในราคา 2.5452 บาทต่อหุ้น

     เจ้าหนี้กลุ่มที่ 4 หรือ กระทรวงการคลัง จะได้รับการชำระหนี้เงินต้นคงค้างเต็มจำนวนในสัดส่วน 100% ในขณะที่เจ้าหนี้กลุ่มที่ 5 เจ้าหนี้กลุ่มที่ 6 และ เจ้าหนี้กลุ่มที่ 18 – 31 ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ผู้ถือหุ้นกู้จะได้รับการชำระหนี้เงินต้นคงค้างในอัตรา 24.50% ของมูลหนี้เงินต้นคงค้างทั้งหมด

     นอกจากนี้ เจ้าหนี้กลุ่มที่ 5 เจ้าหนี้กลุ่มที่ 6 และเจ้าหนี้ผู้ถือหุ้นกู้ยังสามารถใช้สิทธิแปลงหนี้เงินต้นคงค้างเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนได้เพิ่มเติมโดยความสมัครใจ (Voluntary Conversion) จำนวนไม่เกิน 4,911,236,813 หุ้น ได้ในสัดส่วนที่ต้องการแต่จะต้องไม่เกินภาระหนี้ตามแผนฯ ของตน

     เจ้าหนี้กลุ่มที่ 4 เจ้าหนี้กลุ่มที่ 5 เจ้าหนี้กลุ่มที่ 6 และ เจ้าหนี้ผู้ถือหุ้นกู้ตามแผนฯ ยังได้รับสิทธิแปลงดอกเบี้ยใหม่ตั้งพักเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนโดยความสมัครใจ จำนวนไม่เกิน 1,903,608,176 หุ้น โดยกำหนดให้ใช้สิทธิในการแปลงหนี้ดอกเบี้ยใหม่ตั้งพักเป็นหุ้นสามัญเต็มจำนวนของมูลหนี้เท่านั้น ไม่สามารถเลือกใช้สิทธิบางส่วนได้ ในราคา 2.5452 บาทต่อหุ้น และ เพื่อความสำเร็จของการปรับโครงสร้างทุนภายใต้แผนฯ รวมทั้งเป็นการรักษาเสถียรภาพด้านราคาหุ้นของการบินไทยภายหลังกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ผู้บริหารแผนได้กำหนดมาตรการ Lock-up ห้ามเจ้าหนี้ที่ได้รับหุ้นสามัญเพิ่มทุนจากการแปลงหนี้เป็นทุนขายหุ้นดังกล่าวจนกว่าจะครบระยะเวลา 1 ปีนับจากวันที่หุ้นของการบินไทยกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ

     "หลังจากวันที่ครบกำหนดระยะเวลา 6 เดือนนับแต่วันที่หุ้นของการบินไทยกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงจะให้เจ้าหนี้ที่ได้รับหุ้นจากการแปลงหนี้เป็นทุนแต่ละรายสามารถขายหุ้นในส่วนดังกล่าวของตนได้จำนวนไม่เกิน 25% ของจำนวนหุ้นที่ตนถูกห้ามขาย"

     สำหรับกระบวนการถัดไปในเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ประกอบด้วย การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 9,822,473,626 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 59.01% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายทั้งหมด รวมทั้งหุ้นที่เหลือจากกระบวนการ Voluntary Conversion (หากมี) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ก่อนการปรับโครงสร้างทุน (โดยไม่จัดสรรและเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นที่จะทำให้การบินไทยมีหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ) พนักงานของการบินไทย และ บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ตามลำดับ โดยจะเสนอขายในราคาที่ผู้บริหารแผนเห็นสมควรแต่จะต้องไม่ต่ำกว่า 2.5452 บาทต่อหุ้น

     โดยได้มีการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน (Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2567 และ คาดว่า จะมีการออกรายงานประเมินมูลค่ายุติธรรม โดยที่ปรึกษาทางการเงินอิสระในช่วงกลางเดือนตุลาคม 2567 ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการใช้สิทธิของเจ้าหนี้ในการแปลงหนี้เป็นทุนในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2567 และ เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในช่วงเดือนธันวาคม 2567 ต่อไป

คำต่อคำ: ผ่าอนาคต\"การบินไทย\"กับแผนทวงคืนเบอร์หนึ่งสายการบิน