posttoday

ผ่าเกมหุ้น "ได้-เสีย"ประโยชน์ "เงินบาทอ่อน-แข็งค่า"

08 ตุลาคม 2567

ค่าเงินบาทไทยกลับมายืนเหนือ 33.50 บาทต่อดอลลาร์ โบรกผ่าเกมลงทุนหุ้นไทยจังหวะเงินบาทผันผวน ขึ้นและลงแรง พร้อมสแกน 20 หุ้นได้อานิสงส์บาทอ่อน และ 7 หุ้นอานิสงส์บาทแข็ง

     ความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท เปิดเช้านี้(8 ต.ค.2567)ที่ระดับ 33.46 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อยแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากปิดวานนี้ที่ระดับ 33.44 บาทต่อดอลลาร์ แต่ล่าสุดสามารถอ่อนค่าทะลุโซน 33.50 บาทต่อดอลลาร์ได้ ขึ้นไปแตะสูงสุดที่ 33.60 บาทต่อดอลลาร์ และล่าสุดค่าเงินบาทกลับมายืนที่ระดับ 33.51 บาทต่อดอลลาร์

 

บาทอ่อนค่าแรง แต่ SET ไม่ร่วง

      สายงานวิจัย บล. เอเซีย พลัส ระบุว่า สภาวะปกติของตลาดหุ้นไทย CORRELATION ระหว่าง FLOW ต่างชาติกับค่าเงินบาทมีทิศทางสวนทางกันเสมอ โดยหากใช้ข้อมูลตั้งแต่ต้นปี 2023ถึงปัจจุบัน มีค่า CORRELATION -0.50

     ซึ่งสอดคล้องกับสภาวะล่าสุดที่ตั้งแต่ต้นเดือน MTD ต่างชาติขายสุทธิ หุ้นไทย 1.1 หมื่นล้านบาท และ ขายสุทธิตราสารหนี้ไทย 1.9 หมื่นล้านบาท กดดันค่าเงินบาทอ่อนค่าแรง 3.8%MTD 

     อย่างไรก็ตาม SET ปรับตัวลงเพียง 0.3% เท่านั้น เนื่องจากมีแรงพยุงจากฝั่งสถาบัน 1.5 หมื่นล้านบาท(วายุภักษ์เริ่มซื้อหุ้นไทยตั้งแต่ 1ต.ค.67) และมีมาตรการดูแลจากทางตลาดหลักทรัพธ์ที่เข้มข้นขึ้น

     ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ

     9 หุ้นวายุภักษ์ ที่มี ESG RATINGS ระดับ A ขึ้นไป และราคาหุ้นสวนทาง SET กล่าวคือ ราคานับตั้งแต่ต้นเดือนจนถึงปัจจุบัน (Month to Date : MTD) ปรับตัวลดลงมากกว่า -2% ขณะที่ ดัชนีหุ้นไทย ลดลง -0.3% เท่านั้น อาทิ TTB เรตติ้ง ESG ระดับ AA ราคาหุ้น MTD ปรับตัวลดลง -4.6% , IVL เรตติ้ง ESG ระดับ AA ราคาหุ้น MTD ปรับตัวลดลง -2.8% , CENTEL เรตติ้ง ESG ระดับ A ราคาหุ้น MTD ปรับตัวลดลง -4.9% , 

     OR เรตติ้ง ESG ระดับ AAA ราคาหุ้น MTD ปรับตัวลดลง -4% , AWC เรตติ้ง ESG ระดับ A ราคาหุ้น MTD ปรับตัวลดลง -3.2% , BGRIM เรตติ้ง ESG ระดับ AAA ราคาหุ้น MTD ปรับตัวลดลง -4.6% , LH เรตติ้ง ESG ระดับ A ราคาหุ้น MTD ปรับตัวลดลง -3.9% , OSP เรตติ้ง ESG ระดับ AA ราคาหุ้น MTD ปรับตัวลดลง -2.2% และ KKP เรตติ้ง ESG ระดับ BBB ราคาหุ้น MTD ปรับตัวลดลง -3.4%

     20 หุ้นได้ประโยชน์บาทอ่อนค่า

      กลุ่มส่งออก อาทิ HANA โดย IAA Consensus ให้ราคาเป้าหมาย 46.67 บาท, DELTA โดย IAA Consensus ให้ราคาเป้าหมาย 102.81 บาท, KCE โดย IAA Consensus ให้ราคาเป้าหมาย 46.53 บาท, TU ราคาเป้าหมาย 18.60 บาท, ITC ราคาเป้าหมาย 29 บาท, CPF ราคาเป้าหมาย 27.50 บาท, GPFT ราคาเป้าหมาย 27.50 บาท, STA โดย IAA Consensus ให้ราคาเป้าหมาย 26.43 บาท, NER โดย IAA Consensus ให้ราคาเป้าหมาย 6.34 บาท, STGT โดย IAA Consensus ให้ราคาเป้าหมาย 14.19 บาท, SCC ราคาเป้าหมาย 320 บาท
     กลุ่มท่องเที่ยว อาทิ AOT ราคาเป้าหมาย 69 บาท, AAV โดย IAA Consensus ให้ราคาเป้าหมาย 3.27 บาท, MINT ราคาเป้าหมาย 35 บาท, CENTEL ราคาเป้าหมาย 46 บาท, ERW ราคาเป้าหมาย 4.90 บาท
     กลุ่มโรงพยาบาล อาทิ BH ราคาเป้าหมาย 304 บาท, BDMS ราคาเป้าหมาย 33 บาท, PR9 ราคาเป้าหมาย 22.10 บาท, BCH ราคาเป้าหมาย 19 บาท

แทงสวน "บาทแข็งต่อ"

     บล.กรุงศรี ประเมินค่าเงินบาทต่อดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง ล่าสุดลงไป 32.9 บาท แข็งค่ามากที่สุดในรอบ 1 ปี 8 เดือน ลดลง -4 บาทจากสิ้นไตรมาส 2/2567 หรือแข็งค่าราว 10%qtd ผลจาก 1.ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ-ไทยที่มีแนวโน้มแคบลง 2.Capital Inflow 3.เศรษฐกิจภายในมีสัญญาณการฟิ้นตัว หลังการเมืองชัด

     ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินแนวโน้มมีโอกาสแข็งค่าต่อ แนวรับสำคัญทางเทคนิคค่าเงินบาทที่ 32.55 / 32.186 บาทต่อดอลลาร์ แนวต้าน 33.17 / 33.34 บาทต่อดอลลาร์

     ประเมิน Sensitivity เงินบาทที่แข็งค่าทุกๆ 1 บาท กลุ่มที่มี Upside บวกต่อกำไรมากที่สุด คือ กลุ่มการบิน AAV ทุกๆ 1 บาท Upside ราว 1,000 ล้านบาท (54% ของกำไรปี 2567) รองลงมา คือ กลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM เพิ่มราว 13%, EGCO เพิ่มราว 8%, GULF และ GPSC เพิ่มราว 3-4% ตามลำดับ) กลุ่มเกษตร TVO เพิ่มราว 3% 

     หุ้น Mid /Small Cap ที่เน้นกลุ่มนำเข้าจากต่างประเทศ คือ MOSHI (นำเข้า 55% ของต้นทุน) KCG (50%) TAN (70%), SABINA (56%) โดยรวมทุกบริษัท ทุกๆ 1% ของค่าเงินที่เปลี่ยนมีผลต่อกำไร ตลาดในปี 2567 เพิ่มราว 1-1.5% ฯลฯ 

     ส่วน กลุ่มที่กระทบจากเงินบาทแข็งค่า คือ กลุ่มส่งออก , ชิ้นส่วน และ เกษตร มี Downside ราว -2.9% , -1.3% ตามลำดับ

     กลยุทธ์การลงทุน ทิศทางเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกต่อ Fund Flow และบวกต่อการลงทุนในไตรมาส 4/2567 โดยยังคงเป้าดัชนี ณ สิ้นปี 2567 ที่ระดับ 1,540 จุด แนะนำลงทุนหุ้นได้ประโยชน์ค่าเงินบาทแข็งค่า และได้ประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลง กลุ่ม Domestic play เน้นกลุ่มหุ้นดังนี้คือ 

     กลุ่มโรงไฟฟ้า เน้น GULF โดย IAA Consensus ให้ราคาเป้าหมาย 57.33 บาท , GPSC ราคาเป้าหมาย 46.00 บาท 
     กลุ่มสายการบิน เน้น AAV ราคาเป้าหมาย 2.86 บาท
     กลุ่มเกษตร เน้น TVO ราคาเป้าหมาย 23.20 บาท
     กลุ่ม Mid Small เน้น MOSHI ราคาเป้าหมาย 64.00 บาท, TAN ราคาเป้าหมาย 17.00 บาท และ ICHI ราคาเป้าหมาย 22.00 บาท