posttoday

SET พักรอเม็ดเงินต่างชาติ-ปัจจัยใหม่หนุน เคาะกรอบวันนี้ 1,438-1,460 จุด

09 ตุลาคม 2567

หุ้นไทยอยู่ในช่วงพักรอแรงหนุน Fund Flow ต่างชาติ และปัจจัยพื้นฐานใหม่ สองโบรกเคาะกรอบดัชนีวันนี้ 1,438 - 1,460 จุด บล.พาย แนะลดพอร์ตลงทุนบางส่วน เลือก AAV - TU โดดเด่น ด้าน บล.กรุงศรี เคาะกราฟเทคนิค AMATA - SAV - ASIAN - SYMC

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.พาย ระบุว่า ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 0.3% ได้ปัจจัยหนุนจากการชะลอตัวของกลุ่มน้ำมันพร้อมกับแรงซื้อหุ้นกลุ่ม Technology นักลงทุนยังคงรอดูเงินเฟ้อที่จะประกาศเร็วๆนี้ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปรับลงมากถึง 4.6% หลังมีข่าวว่ากลุ่ม อิซบอลเลาะห์และอิสราเอลอาจจะทำข้อตกลงหยุดยิง

     เมื่อคืนที่ผ่านมามิได้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ แต่อย่างไรก็ตามวานนี้ตลาดหุ้นจีนกลับมาเปิดทำการวันแรกหลังจากหยุดยาวเทศกาล Golden Week พบว่าปรับตัวบวกได้ 4.6% แต่ลดลงจากจุดสูงสุดที่ 10.7% พร้อมกับตลาดหุ้น Hang Seng เริ่ม ปรับตัวลง 9.4% ส่วนนึงอาจเป็นเพราะว่าตลาดหุ้นจีนได้ปรับขึ้นมาเยอะประกอบกับ เมื่อวานมีแถลงจากคณะกรรมการพัฒนาและปฎิรูปแห่งชาติของจีน ซึ่งพบว่ามาตรการยังคงไม่ต่างจากเดิมที่รายงานไว้ นักลงทุนบางส่วนจึงอาจผิดหวังเพราะไร้มาตรการใหม่ๆ

     ส่วนปัจจัยในประเทศวานนี้กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬาได้ออกมารายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วง 1-6 ต.ค. พบว่าอยู่ที่ 5.55 แสนราย หากเทียบกับช่วงสัปดาห์ก่อนจะพบว่าขยายตัว 7.8%WoW หนุนจากการเร่งตัวขึ้นของนักท่องเที่ยวเกาหลีและจีนที่ขยายตัว 33.9%WoW , 20%WoW ตามลำดับปัจจัยหนุนจากวันหยุดยาวใน 2 ประเทศ ส่วนนักท่องเที่ยวเฉลี่ยรายวันอยู่ที่ 9.2 หมื่นรายดีขึ้นจากเดือนก่อนที่ 8.4 หมื่นราย ทั้งนี้เชื่อว่าหลังจากนี้จะเห็นการค่อยๆปรับเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติตามปัจจัยฤดูกาล มองเป็นบวกกับหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL) คืนนี้รอติดตามสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 2 ล้านบาร์เรล หากเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดการณ์อาจเป็นปัจจัยกดดันน้ำมัน

     วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,445-1,460 จุด เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังแนะลดพอร์ตการลงทุนบางส่วนจากการที่ตลาด Price In ปัจจัยบวกต่างๆไปแล้ว ประกอบกับแนวโน้มดอกเบี้ย FED คล้ายว่าจะลดลงไม่มากนักกดดันกระแสเงินทุนต่างชาติ 10 วันทำการที่ผ่านมาขายสุทธิไปแล้วถึง 1.7 หมื่นล้านบาท ส่วนหุ้นแนะนำเก็งกำไรระยะสั้นเลือกกลุ่มสายการบิน (AAV BA) ปัจจัยหนุนราคาน้ำมันปรับลง กลุ่มส่งออก (ITC TU) เงินบาทอ่อนค่า กลุ่มธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) ปัจจัยหนุนดอกเบี้ยไทยอาจปรับลงไม่มากตามดอกเบี้ยของ FED ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) ปัจจัยหนุนการท่องเที่ยวจะเร่งขึ้นในช่วงไตรมาส 4

     หุ้นแนะนำซื้อวันนี้ คือ AAV (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 2.82 บาท) AAV เป็นผู้ประกอบการที่ได้รับผลดีจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ซึ่งล่าสุดคาดว่าผู้โดยสารทั้งปีจะไปได้ถึงระดับ 20 ล้านคน รวมถึงบริษัทยังคงมีแผนเปิดเส้นทางใหม่เพิ่มโดยเฉพาะเส้นทางต่างประเทศอย่างประเทศอินเดีย ขณะที่จีนมีโอกาสเพิ่มขึ้นเช่นกันหลังเปิดฟรีวีซ่า

     TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 18.30 บาท) คาดผลประกอบการงวด 3Q24 มีกำไรสุทธิ 1,303 ล้านบาท (+8%YoY,+7%QoQ) ปัจจัยบวกหลักยังคงมาจากการเติบโตของธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป (Ambient Seafood) ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นจากตลาดตะวันออกกลาง และอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Care) แม้ว่าธุรกิจอาหารแช่แข็ง (Frozen Seafood) ยังคงลดลงจากความต้องการที่ชะลอตัวโดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ สำหรับแนวโน้มในช่วง 4Q24 เบื้องต้นคาดว่ารายได้ยังเห็นการเติบโตได้จากปีก่อนแม้จะมีผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาบ้าง

ต้านจำกัด 1,460-1,465 จุด

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรี ระบุว่า คาดการณ์แนวโน้ม SET INDEX วันนี้ “ลุ้นฟื้นตัวต่อ แนวต้านจำกัด 1,460 / 1,465 จุด ยังเน้นแนวรับ 1,443 / 1,438 จุด” ทั้งนี้แท่งเทียนปิดในลักษณะของแท่งเขียวเล็กแต่มี UPPER SHADOW เกิดขึ้นต่ำกว่าระดับ VWAP สะท้อนแรงขายทำกำไรระยะสั้นที่คอยกดดดัน แต่ยังสามารถยืนเหนือ EMA 5,10 D โดยที่เครื่องมือทางด้านเทคนิคหลายตัวยังคงมีสัญญาณชะลอตัวลง อาทิ RSI ที่ค่อนข้างทรงตัว, MODIFIED STOCHASTIC ที่ยังคงชะลอตัวลง (%K < %D) รวมถึง MACD ที่ตัด SIGNAL LINE ลงต่อ และ VOLUME ที่ค่อนข้างชะลอตัว ฉะนั้นให้น้ำหนักดัชนีมีลุ้นฟื้นตัวในกรอบจำกัดตามแนวต้าน 1,460 / 1,465 (PRIOR HIGH) โดยวางแนวรับไว้ที่เดิม 1,443 / 1,438 จุด (PRIOR LOW)

     คำแนะนำ นักลงทุนระยะสั้นอยู่ในด้าน SELECTIVE BUY และขายทำกำไรเมื่อดัชนีแกว่งตัวขึ้นไม่ผ่านแนวต้านที่กำหนด ส่วนนักลงทุนระยะกลางถึงยาวยังคงแนะนำถือลงทุนต่อ

     AMATA เป้าหมาย 26 / 27.25 บาท แนวรับ 24.9 บาท จุดตัดขาดทุน 24.5 บาท
     SAV เป้าหมาย 23.3 / 23.6 บาท แนวรับ 22.7 บาท จุดตัดขาดทุน 22.4 บาท
     ASIAN  เป้าหมาย  9.7 / 10 บาท แนวรับ 9.25 บาท จุดตัดขาดทุน 9.1 บาท
     SYMC เป้าหมาย 8.85 / 9.15 บาท แนวรับ 8.5 บาท จุดตัดขาดทุน 8.3 บาท