posttoday

เทียบฟอร์มไอพีโอป้ายแดง MEDEZE กับธุรกิจบริการด้านการแพทย์ในตลาดหุ้นไทย

13 ตุลาคม 2567

รู้จักหุ้นไอพีโอน้องใหม่ “ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล หรือ MEDEZE” หุ้นธุรกิจสเต็มเซลล์และเซลล์ภูมิคุ้มกันของไทย แตกต่าง และโดดเด่นอย่างไร เทียบธุรกิจบริการด้านการแพทย์ในตลาดหุ้นไทย ก่อนลั่นระฆังเทรด SET วันที่ 15 ต.ค.นี้

          บริษัท ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE หุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) น้องใหม่ล่าสุดที่กำลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นตัวที่ 3 ของเดือน ต.ค.นี้ และเป็นตัวที่ 26 ของปี 2567  

          โดย บริษัท ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE ประกอบธุรกิจให้บริการตรวจวิเคราะห์ คัดแยก เพาะเลี้ยง และรับฝากเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells) และตรวจศักยภาพเซลล์ภูมิคุ้มกัน (NK Cells) กำหนดเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรก ในวันที่ 15 ต.ค.2567

          หลังจาก MEDEZE ประสบความสำเร็จปิดการเสนอขายหุ้น IPO เต็มจำนวน 268 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 25.09% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลัง IPO ในราคาหุ้นละ 9.00 บาท เมื่อวันที่ 2-4 ต.ค.2567 ที่ผ่านมา โดยสามารถระดมทุนได้ทั้งสิ้น 2,412 ล้านบาท 

          ทั้งนี้ ภาพรวมการประกอบธุรกิจ MEDEZE ให้บริการครอบคลุมการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดในระยะยาว ผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยดำเนินการผ่านบริษัทย่อย 5 บริษัท ได้แก่ (1) บริษัท เมดีซ เอ็นเค จำกัด ดำเนินธุรกิจการให้บริการทดสอบศักยภาพเซลล์ภูมิคุ้มกัน หรือ NK Cells (2) บริษัท เมดีซ คอสเมซูติคอล จำกัด ดำเนินธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ความงามภายใต้ตราสินค้า DAA และอาหารเสริม 

          (3) บริษัท เมดีซวิจัยและพัฒนา จำกัด ดำเนินธุรกิจวิจัยและพัฒนาเชิงทดลองด้านเทคโนโลยีชีวภาพ (4) Medeze Treasury Pte. Ltd. ดำเนินธุรกิจเป็นบริษัทเพื่อการลงทุน (Investment Company) โดยเป็นบริษัทที่ถือครองและบริหารตราสินค้าของกลุ่มบริษัทฯ และ (5) Medeze Group Pte. Ltd. ดำเนินธุรกิจวิจัยและพัฒนาเชิงทดลองด้านเทคโนโลยีชีวภาพ

          ลักษณะการให้บริการสามารถจำแนกบริการโดยอ้างอิงจากประเภทเซลล์ ได้แก่ (1) เซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells) ปัจจุบันให้บริการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด 2 ชนิด ได้แก่ เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต (Hematopoietic Stem Cell หรือ HSC) ที่พบในเลือดสายสะดือ (Cord Blood) และเซลล์ต้นกำเนิดมีเซนไคมอล (Mesenchymal Stem Cell หรือ MSC) ซึ่ง มีอยู่ในเนื้อเยื่อสายสะดือ (Placenta and Cord Tissue) หรือในเนื้อเยื่อไขมัน (Adipose Tissue)

          และ (2) เซลล์ภูมิคุ้มกัน (NK Cells) ปัจจุบันให้บริการตรวจศักยภาพเซลล์ภูมิคุ้มกัน (NK Cells) ซึ่งเป็นส่วนหลักของระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อประเมินว่าร่างกายมีความสามารถในการต่อสู้กับเซลล์ผิดปกติที่เป็นอันตรายในระดับใด อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีบริการให้ NK Cells หรือฉีด NK Cells กลับเข้าร่างกายลูกค้า 

          สำหรับเป้าหมายของการเข้ามาระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินไปใช้ในการขยายธุรกิจเซลล์รากผม (Hair Follicle Cell Bank) และลงทุนติดตั้งระบบการทำจัดเก็บเซลล์ด้วยหุ่นยนต์ (Robotic Cell Culture System) รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

          ขณะเดียวกัน ผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2564-2566) บริษัทมีรายได้ขายและบริการอยู่ที่ 446.41 ล้านบาท 595.70 ล้านบาท และ 701.81 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 112.06 ล้านบาท 147.19 ล้านบาท และ 239.57 ล้านบาท ตามลำดับ 

          ส่วนผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทมีรายได้ขายและบริการอยู่ที่ 403.61 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 145.79 ล้านบาท

          ด้านนโยบายการให้ผลตอบแทนกับผู้ถือหุ้นในแง่ของการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 30% ของกำไรสุทธิจากงบเฉพาะกิจการภายหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท

          ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูล พบว่า มีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจบางส่วนที่คล้ายคลึงกับธุรกิจของ MEDEZE จำนวน 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BKGI, บริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SAFE และ บริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GFC 

          ดังนั้น “โพสต์ทูเดย์” จะพามาเปรียบเทียบระหว่าง MEDEZE กับอีก 3 บริษัท ได้แก่ BKGI, SAFE และ GFC ว่าลักษณะธุรกิจมีความแตกต่างและคล้ายคลึงกันในบางส่วนอย่างไร รวมไปถึง Market Cap, P/E, รายได้ และกำไรสุทธิปี 2566 และ 6 เดือนแรกของปี 2567 

เทียบฟอร์มไอพีโอป้ายแดง MEDEZE กับธุรกิจบริการด้านการแพทย์ในตลาดหุ้นไทย

          บริษัท ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE

          ลักษณะธุรกิจ : ประกอบธุรกิจให้บริการตรวจวิเคราะห์ คัดแยกเพาะเลี้ยง และรับฝากเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells) และตรวจศักยภาพเซลล์ภูมิคุ้มกัน (NK Cells)
          ตลาดรอง : SET 
          Market Cap (มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO) : 9,612 ล้านบาท
          P/E : 35.55 เท่า (1 ก.ค.2566-30 มิ.ย.2567)
          รายได้ปี 2566 : 701.81 ล้านบาท 
          กำไรสุทธิปี 2566 : 239.57 ล้านบาท
          รายได้ 6 เดือนแรกปี 2567 : 403.61 ล้านบาท
          กำไรสุทธิ 6 เดือนแรกปี 2567 : 145.79 ล้านบาท 

          บริษัท แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BKGI

          ลักษณะธุรกิจ : ประกอบกิจการห้องปฏิบัติการ และให้บริการตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์ โดยบริการหลัก คือ การตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์ (NIPT) ภายใต้แบรนด์ NIFTY
          ตลาดรอง : SET 
          Market Cap (มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด) : 1,680 ล้านบาท (ณ 11 ต.ค.2567)
          P/E : 45.29 เท่า (ณ 11 ต.ค.2567)
          รายได้ปี 2566 : 247.34 ล้านบาท 
          กำไรสุทธิปี 2566 : 32.14 ล้านบาท  
          รายได้ 6 เดือนแรกปี 2567 : 156.68 ล้านบาท
          กำไรสุทธิ 6 เดือนแรกปี 2567 : 23.46 ล้านบาท 

          บริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SAFE

          ลักษณะธุรกิจ : ให้บริการด้านการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ตั้งแต่ให้คำแนะนำและคำปรึกษาตลอดจนติดตามผลการปฏิบัติการโดยผู้ดูแลลูกค้าส่วนบุคคล (personal assistant) ที่จะช่วยให้ผู้ที่ประสบปัญหามีบุตรยากมีบุตรตามความประสงค์และเติมเต็มครอบครัวโดยใช้เทคโนโลยีที่นำสมัยมีมาตรฐานและความปลอดภัย
          ตลาดรอง : SET 
          Market Cap (มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด) : 4,589.61 ล้านบาท (ณ 11 ต.ค.2567)
          P/E : 20.22 เท่า (ณ 11 ต.ค.2567)
          รายได้ปี 2566 : 856.96 ล้านบาท 
          กำไรสุทธิปี 2566 : 201.83 ล้านบาท  
          รายได้ 6 เดือนแรกปี 2567 : 472.25 ล้านบาท
          กำไรสุทธิ 6 เดือนแรกปี 2567 : 113.49 ล้านบาท

          บริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GFC 

          ลักษณะธุรกิจ : ให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีปัญหามีบุตรยากแบบครบวงจร 
ตลาดรอง : mai 
          Market Cap (มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด) : 1,738 ล้านบาท (ณ 11 ต.ค.2567)
          P/E : 19.45 เท่า (ณ 11 ต.ค.2567)
          รายได้ปี 2566 : 355.76 ล้านบาท 
          กำไรสุทธิปี 2566 : 77.49 ล้านบาท  
          รายได้ 6 เดือนแรกปี 2567 : 191.82 ล้านบาท
          กำไรสุทธิ 6 เดือนแรกปี 2567 : 46.22 ล้านบาท