ลุ้นผลเลือกตั้งสหรัฐพรุ่งนี้ เคาะกราฟหุ้นไทยด่านถัดไป 1,500 จุด
แรงซื้อ DELTA - PTTEP - ADVANC ดันหุ้นไทยปิดพุ่ง 18.72 จุด แตะระดับ 1,481.67 จุด พร้อมจับตาผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 วันพรุ่งนี้เช้า(6 พ.ย.2567)ตามเวลาไทย โบรกเคาะกราฟดัชนีรอบนี้มีลุ้น 1,500 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดการซื้อขายวันนี้(5 พฤศจิกายน 2567) อยู่ที่ 1,481.67 จุด เพิ่มขึ้น 18.72 จุด คิดเป็น +1.28% มูลค่าการซื้อขาย 39,287.25 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,486.55 จุด และลดลงต่ำสุด 1,462.63 จุด
5 หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด ดังนี้
1. DELTA ปิดที่ 148.50 บาท เพิ่มขึ้น 9 บาท มูลค่าการซื้อขาย 4,812.21 ล้านบาท
2. PTTEP ปิดที่ 131 บาท เพิ่มขึ้น 4 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,000.27 ล้านบาท
3. BDMS ปิดที่ 27.25 บาท ลดลง -0.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,665.85 ล้านบาท
4. GULF ปิดที่ 66.25 บาท ลดลง -0.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,573.77 ล้านบาท
5. ADVANC ปิดที่ 278 บาท เพิ่มขึ้น 6 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,411.22 ล้านบาท
ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า SET Index วันนี้(5 พ.ย.67) ปิดบวก 18.72 จุดในทิศทางเดียวกับตลาดเอเชีย นักลงทุนลดความเสี่ยงก่อนเลือกตั้งสหรัฐฯ หุ้นกลุ่มที่ปรับขึ้นพยุงดัชนี คือ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (DELTA) กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP) และ กลุ่ม ICT (INSET, ADVANC) ส่วน Sector ที่ปรับลงกดดัชนี คือ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (SCC) และกลุ่มโรงพยาบาล (BDMS, BCH)
หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่น คือ หุ้นกลุ่มน้ำมัน PTT , PTTEP ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันปรับขึ้นตอบรับ ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นแรง และปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 อิง Brent เพิ่มขึ้น 2.74%d-d ปิดที่ USD 75.1/barrel, น้ำมันดิบ West Texas เพิ่มขึ้น 2.85%d-d ปิดที่ USD 71.4/barrel แรงหนุนระยะสั้นมาจากกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน OPEC+ ประกาศเลื่อนการเพิ่มการผลิตน้ำมันที่วางแผนไว้ในเดือน ธ.ค.ออกไป 1 เดือน
ราคาหุ้นกลุ่มโรงกลั่นปรับขึ้น TOP เพิ่มขึ้น 2.3% มีจิตวิทยาบวกหนุนจากค่าการกลั่นอิงตลาดสิงคโปร์ ปิดล่าสุด อยู่ที่ 6.17 ดอลลาร์/บาร์เรล (VS. ต้นเดือน ต.ค.2024 อยู่ที่ 2.76 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ เพิ่มขึ้นราว 2.3 เท่า) แรงหนุนจาก Demandในช่วงหนาว และ Stocks ของสิงคโปร์ Middle Products อยู่ในระดับต่ำ มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นในกลุ่มโรงกลั่น
หุ้นกลุ่มการท่องเที่ยว BA เพิ่มขึ้น 2% , AAV เพิ่มขึ้น 1.39% , AOT เพิ่มขึ้น 0.8% ปรับขึ้นจากการเข้าสู่ช่วง High season เต็มตัว จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเร่งตัวขึ้น 20.1%wow และมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นอีกไปจนถึงไตรมาส 1 ปีหน้า ฝ่ายวิเคราะห์แนะนำซื้อ AAV เป็น top pick กลุ่มสายการบิน ราคาเป้าหมาย 28.75 บาท
หุ้น HMPRO ปรับขึ้น 3.16% ตอบรับผลการประชุมนักวิเคราะห์ โดย ยอดขายต่อสาขาเดิม (same store sales) มีแนวโน้มดีขึ้นเล็กน้อย มาจากกำลังซื้อที่ดีขึ้น และการใช้จ่ายหลังน้ำท่วม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเหนือ แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 13.50 บาท
ลุ้นทดสอบ 1500
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยทางเทคนิค บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ติดตามผลเลือกตั้งสหรัฐฯ 2024 ระหว่าง "โดนัล ทรัมป์" กับ "กมลา แฮร์ริส" คาดได้ข้อสรุปภายใน 1-2 วันนี้ หากอิงจากการเลือกตั้งสหรัฐฯ 2020 ระหว่าง "โจ ไบเดน" กับ "โดนัล ทรัมป์" ใช้เวลาสรุปผลราว 4 วัน "ไบเดน" คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังเก็บคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้งเกิน 270 เสียง และได้คะแนนโหวตกว่า 73 ล้านเสียง
ดังนั้นภาพรวมดัชนีหุ้นไทยรอบนี้มีลักษณะแกว่งตัวขึ้น ลุ้นทดสอบด่านสำคัญ 1,500 จุด ซึ่งเป็นรอบของหุ้นใหญ่ SET50 และ SET100 เป็นหลัก ดังนั้นหาจังหวะสะสมในพอร์ต
ลุ้นผลเลือกตั้งสหรัฐพรุ่งนี้
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ปัจจุบันอยู่ในช่วงพิจารณา 4-8 พ.ย.67 หากมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ10 ล้านล้านหยวนออกมา จะเป็นเครื่องมือช่วยหนุนการฟื้นตัวเศรฐกิจจีนให้โตได้ตามเป้าหมาย 5% หุ้นอิงเศรษฐกิจจีนฟื้น SCGP รอแตะ 27 บาท , PTTGC ข้าม 27 บาท ถึงจะยืนยัน Double Bottoms , SJWD รอผ่าน 12.30 บาทให้รอบบวก, III ทะลุ 6.35 บาทถึงให้รอบกลับขึ้นจากฐาน , ERW ต้องผ่าน 4.10 บาท, CENTELข้าม 36.25 จะตั้งฐานถึงดีดกลับ, IVLเสี่ยงติดสั้น 26.50-27 บาท
จับตาผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตั้งแต่พรุ่งนี้เช้า(6 พ.ย.67)ตามเวลาไทย ล่าสุดผลโพลคะแนนสูสี กรณีทรัมป์ พรรค Republican ชนะการเลือกตั้ง กังวลเงินเฟ้อพุ่ง, Trade war สหรัฐฯ-จีน, FED อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยน้อยกว่า 3 ครั้งในปี 2568 เป็นลบต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่หากแฮร์ริส พรรค Democrat ชนะ ทิศทางการปรับลดดอกเบี้ยน่าจะมีความต่อเนื่องเป็นบวกต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่ ดังนั้น SET INDEX หลังพ้น 1,470 จุดให้รอบฟื้น
Double Bottoms เป้าหมาย 1,500 จุด
พร้อมจับตา FED ประชุม 7 พ.ย.67 วันเดียวกับ BOE คาดทั้ง 2 ธนาคารกลางใหญ่ลด 25bps. เหลือ 4.75% และรอบ ธ.ค. FED Watch Tool ให้น้ำหนัก 80% ลดอีก 25 bps. หุ้นเทคนิคเลือก HANA แนวรับ 38 บาท แนวต้าน 41 บาท , TU แนวรับ 15.10-15.30 บาท แนวต้าน 16 บาท
เทรดวอร์มาแน่! ชงรัฐบาลเร่งเคลียร์หนี้เสีย-SME-เปิดประเทศรับมือเต็มสูบ
4 กูรู "หุ้น-ทองคำ-คริปโท" ผ่าเกมลงทุน เลือกตั้งสหรัฐฯ "ทรัมป์ - แฮร์ริส"