posttoday

เลือกตั้งสหรัฐยังไม่ชัด SET แกว่งกรอบ 1,475-1,490 จุด เน้นเก็งกำไรสั้น

06 พฤศจิกายน 2567

เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ "ทรัมป์"คะแนนสูงกว่า"แฮร์ริส" ฝั่งสภาล่าง-สภาบน "รีพับลิกัน"ครองเสียงข้างมากคาดทราบผลปลายสัปดาห์ หุ้นไทยเคลื่อนไหวกรอบ 1,475 - 1,490 จุด Valuation ไม่ถูก มูลค่าการซื้อขายบางเบา แนะเก็งกำไรระยะสั้น จุดเข้าออกชัดเจน เชียร์ HMPRO - CPN

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.พาย ระบุว่า ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 1% หลังจากสหรัฐฯรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่ง ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.6% ขานรับคาดการณ์ว่าพายุโซนร้อนราฟาเอลจะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมัน

     เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯ รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (ISM PMI) ที่ระดับ 56 จาก Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 53.8 ซึ่งในองค์ประกอบเป็นการดีขึ้นในทุกๆ รายดัชนีไม่ว่าจะเป็นการจ้างงาน คำสั่งซื้อใหม่ และส่วนใหญ่แล้วยังเป็นระดับที่เกินกว่า 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัว ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 ปีปรับขึ้น โดย CME FED Watch ยังคงคาดการณ์ว่า FED จะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมคืนวันพฤหัสบดีหรือทราบผลอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ช่วงเช้าตามเวลาประเทศไทย

     นอกเหนือจากตลาดพันธบัตรแล้วเมื่อคืนตลาดหุ้นสหรัฐฯยังคงปรับขึ้นต่อเนื่อง (S&P500 + 1.2%) และเป็นการปรับขึ้นในทุกๆกลุ่มอุตสาหกรรมสะท้อนถึงมุมมองเชิงบวกจากนักลงทุน นอกเหนือจากตัวเลขเศรษฐกิจแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯยังได้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี ข้อมูลล่าสุด พบว่าทรัมป์มีคะแนนที่สูงกว่า Harris ส่วนฝั่งสภาล่างและสภาบน รีพับลิกันครองเสียงข้างมาก แต่อย่างไรก็ตามคะแนนยังเป็นเพียงเบื้องต้นเท่านั้นยังต้องรอการนับอีกหลายชั่วโมงซึ่งกว่าจะทราบผลอาจใช้เวลาถึงช่วงปลายสัปดาห์

     ปัจจัยติดตามคืนนี้ ได้แก่ ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 2.23 แสนราย ส่วนในประเทศเช้านี้รอติดตามเงินเฟ้อไทยประจำเดือน ต.ค. Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ที่ 0.94%YoY , 0.05%MoM นับว่ายังเป็นการขยายตัวที่ค่อนข้างต่ำแม้ว่าในช่วงเวลาดังกล่าวเงินหมื่นบาทจะเริ่มทำงานแล้ว

     สำหรับตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับขึ้นมา 1.28% (+18 จุด) แต่ส่วนนึงเป็นแรงหนุนจาก DELTA ที่มีผลต่อดัชนีมากถึง 9 จุดและราคาหุ้น DELTA ทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ด้วยมูลค่าตลาด 1.7 ล้านล้านบาท ซึ่งเกือบจะสูงกว่ามูลค่าตลาดของ PTT และ AOT (PTT 9.6 แสนล้านบาท , AOT 8.96 แสนล้านบาท) พร้อมกับการซื้อสุทธิของนักลงทุนสถาบันและต่างชาติราว 1.5 , 1.4 พันล้านบาท อย่างไรก็ตามมูลค่าการซื้อขายยังไม่สูงมากเพียง 3.9 หมื่นล้านบาท สะท้อนว่านักลงทุนยังไม่มั่นใจมากนักกับภาวะตลาดและอาจเป็นเพียงการเก็งกำไรมากกว่าที่จะปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง

     วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1,475 - 1,490 จุด ปัจจัยพื้นฐานยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะและ Valuation ยังไม่ถูกมากนัก อย่างไรก็ดี ระยะสั้นตลาดหุ้นทั่วโลกปรับขึ้นอาจส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยในทางบวก ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังแนะเป็นเพียงเก็งกำไรระยะสั้นและมีจุดเข้าออกที่ชัดเจน แนะนำกลุ่มส่งออก (ITC, TU) กลุ่มท่องเที่ยว (AOT, CENTEL, MINT) กลุ่มอิงการบริโภคในประเทศ (CPALL, CPN, HMPRO) กลุ่มธนาคาร (BBL, KBANK, KTB, SCB)

     หุ้นแนะนำซื้อวันนี้ คือ HMPRO (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 14 บาท) คงมุมมองเชิงบวกต่อ HMPRO และกลุ่มซ่อมแซมและตกแต่งบ้าน โดยเราเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในเดือน ต.ค. 2024 ขณะที่ภาพระยะกลางเราเชื่อว่า Hybrid store, การขายพร้อมบริการติดตั้ง และ โครงการสินค้าแลกใหม่ จะช่วยหนุนการเติบโตของบริษัท

     CPN (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 89 บาท) คาดกำไรสุทธิงวด 3Q24 จะออกมาต่ำสุดในนับตั้งแต่ 2Q23 โดยได้รับผลกระทบหลัก 2 ประการได้แก่รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวหลังรับรู้ไปมากในไตรมาสที่ผ่านมา และผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทำให้มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามากว่า 300 ล้านบาท แต่ธุรกิจหลักอื่นยังดีอยู่ทั้งในกลุ่มค่าเช่า ศูนย์อาหาร และโรงแรม โดยเราคาดไว้ที่ 3,924 ล้านบาท (-6%YoY,-14%QoQ) สำหรับแนวโน้มช่วง 4Q24 เราคาดว่าจะเห็นรายได้กลับมาเติบโตจาก 3Q24 ได้จากผลดีของการเป็นช่วง High Seasons

 

4 กูรู "หุ้น-ทองคำ-คริปโท" ผ่าเกมลงทุน เลือกตั้งสหรัฐฯ "ทรัมป์ - แฮร์ริส"

เทรดวอร์มาแน่! ชงรัฐบาลเร่งเคลียร์หนี้เสีย-SME-เปิดประเทศรับมือเต็มสูบ