posttoday

SNPS เคาะราคาไอพีโอ 4.20 บาท/หุ้น เปิดจองซื้อ 21-22 และ 25 พ.ย. เทรด 29 พ.ย.นี้

19 พฤศจิกายน 2567

“สเปเชี่ยลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์” หรือ SNPS เคาะราคาไอพีโอ 4.20 บาท/หุ้น เปิดจองซื้อ 21-22 และ 25 พ.ย.67 จ่อเทรด SET 29 พ.ย.นี้ ตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจสมุนไพรที่บริษัทให้บริการแบบครบวงจร เล็งระดมทุนสร้างโอกาสการขับเคลื่อนทางธุรกิจ

          นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท สเปเชี่ยลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SNPS เปิดเผยว่า SNPS เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 105 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็น 25.93% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ ที่ราคา 4.20 บาท/หุ้น 

          ทั้งนี้ กำหนดวันจองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 21-22 และ 25 พ.ย.2567 โดยคาดว่าจะเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ (PERSON) ในวันที่ 29 พ.ย.2567 โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “SNPS”  

          การเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ บริษัทได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) พร้อมผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 5 แห่ง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด  

          สำหรับการกำหนดราคา IPO ดังกล่าว ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน และสอดคล้องกับสภาวะของตลาดหลักทรัพย์ในปัจจุบัน SNPS ถือเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจสารสกัดสมุนไพรมาตรฐานในประเทศไทยที่ดำเนินธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดย SNPS ให้ความสำคัญอย่างมากในการวิจัยและพัฒนาโดยการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาผสมผสานกับวิทยาศาสตร์ และนวัตกรรมสมัยใหม่ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์และความแตกต่าง เมื่อผนวกกับเทรนด์การดูแลรักษาสุขภาพดีอย่างยั่งยืน โดยหันมาใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคทั่วโลกให้ความสำคัญ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรกลายเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง 

          นอกจากนี้ ภาครัฐยังผลักดันและให้การสนับสนุนการพัฒนาสมุนไพรไทยภายใต้แผนปฏิบัติการด้านสมุนไพรแห่งชาติ เพื่อช่วยผลักดันให้สมุนไพรไทยเป็นที่ยอมรับระดับสากล ปัจจัยดังกล่าวจะเป็นแรงสนับสนุนให้ SNPS มีศักยภาพในการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

          ขณะเดียวกัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน ผู้ถือหุ้นเดิมทั้งหมด ประกอบด้วย รศ.ดร. พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์  ดร. ธีรญา กฤษฎาพงษ์ และบริษัท สเปเชี่ยลตี้ เนเชอรัล อินโนเวชั่น จำกัด ยังได้สมัครใจทำข้อตกลงไม่จำหน่ายหุ้นในส่วนที่เหลือจากการติด Silent Period ตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นเวลา 12 เดือน นับตั้งแต่วันที่เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังนั้น ในวันที่หุ้น SNPS เข้าซื้อขายเป็นวันแรกจะมีหุ้นที่ซื้อขายในตลาดได้ทั้งสิ้น 105 ล้านหุ้น ซึ่งเท่ากับจำนวนหุ้น IPO ที่เสนอขายในครั้งนี้เท่านั้น

          ดร.ธีรญา กฤษฎาพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สเปเชี่ยลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SNPS กล่าวว่า การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญของ SNPS ในการเพิ่มศักยภาพการเติบโตให้กับบริษัท 

          ทั้งนี้ บริษัทเตรียมนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ จำนวน 441 ล้านบาท ไปลงทุนในเทคโนโลยีการสกัดขั้นสูง Phytoextraction Technology จำนวน 80-100 ล้านบาท และลงทุนในการวิจัย พัฒนา และผลิตผลิตภัณฑ์ยาพัฒนาจากสมุนไพร อาหารทางการแพทย์หรืออาหารที่มีวัตถุประสงค์พิเศษ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคที่ต้องการผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเพื่อบรรเทาอาการต่างๆ เช่น ลดน้ำตาลในเลือด ปรับสมดุลการย่อยอาหาร สร้างภูมิคุ้มกัน บรรเทาอาการคลื่นไส้วิงเวียน เป็นต้น จำนวน 45-70 ล้านบาท ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินจำนวน 130 ล้านบาท และเงินส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน 

          ส่วนกลยุทธ์ในช่วงต่อจากนี้ SNPS จะมุ่งเน้นการเติบโตไปในตลาดใหม่ๆ ที่ต้องการผลิตสินค้าที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติที่มีศักยภาพในการเติบโต ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมอาหารสัตว์และสัตว์เลี้ยง อุตสาหกรรมอาหารจากแนวโน้มของผู้บริโภคที่ใส่ใจดูแลรักษาสุขภาพ รวมถึงการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นเป้าหมายที่สำคัญของบริษัท 

          นอกจากนี้ บริษัทจะยังมุ่งเน้นการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ซึ่งเป็นโครงการที่บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จาก IPO ไปลงทุนทั้งในส่วนของสารสกัดที่มีความเข้มข้นและความบริสุทธิ์มากขึ้นจากการใช้เทคโนโลยีการสกัดขั้นสูง Phytoextraction Technology ซึ่งเป็นสารสกัดระดับพรีเมี่ยม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าต่างประเทศ และการพัฒนาและผลิตยาพัฒนาจากสมุนไพรเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคที่ต้องการผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเพื่อบรรเทาอาการต่างๆ เช่น ลดน้ำตาลในเลือด ปรับสมดุลการย่อยอาหาร สร้างภูมิคุ้มกัน บรรเทาอาการคลื่นไส้วิงเวียน เป็นต้น ซึ่งถือเป็น New S-Curve ที่สำคัญของบริษัทในอนาคต 

          ขณะที่ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 351.83 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 24.07% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 51.61 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 14.67%