Trump Effect กดหุ้นไทยเกินเบอร์ SET แกว่งกรอบ 1,435-1,450 จุด
ตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงกดดัน Trump Effect โบรกคาดดัชนีวันนี้แกว่งกรอบ 1,435 - 1,450 จุด แนะเก็งกำไรกลุ่มค้าปลีก-ศูนย์การค้า-ท่องเที่ยว-ธนาคารพาณิชย์ เชียร์ซื้อ CPALL - BBL
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.พาย ระบุว่า ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 128 จุด (-0.29%) แต่ดัชนี Nasdaq , S&P500 ปิดบวกเพราะได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่ม Technology นักลงทุนรอติดตามการรายงานตัวเลขต่างๆจากนี้ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.01% ไร้ปัจจัยหนุนที่มีนัยยะสำคัญเพราะรอดูตัวเลขแรงงานสหรัฐฯ
เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯได้รายงานดัชนี PMI ภาคผลิตจากสถาบัน ISM พบว่าดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ แต่อย่างไรก็ตามยังคงต่ำกว่าระดับ 50 ส่วนการตอบรับของสินทรัพย์ต่างๆพบว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯยังคงปรับลงต่อเนื่อง แต่สวนทางกับ Dollar Index ที่กลับขึ้นมาแข็งค่าและกดดันเงินบาทอ่อนค่าทดสอบระดับ 34.5 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯ จากก่อนหน้าที่ 34.2 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯ โดย CME FED Watch กลับมาให้น้ำหนักมากขึ้นราว 75% ที่ FED จะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมเดือน ธ.ค. จากก่อนหน้าที่เพียง 55% สะท้อนปัจจัยเชิงลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากนักลงทุน
แต่อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ให้รอติดตามตัวเลขแรงงานสหรัฐฯทั้งสัปดาห์ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนมากกว่านี้จากทิศทางดอกเบี้ยเพื่อเตรียมกำหนดกลยุทธ์สินทรัพย์ต่างๆหลังจากนี้ไม่ว่าจะเป็นทองคำ ค่าเงิน และตลาดหุ้น ด้านตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับขึ้นมา 0.67% ได้แรงหนุนจากการซื้อสุทธิของนักลงทุนสถาบัน แต่ต่างชาติขายเล็กน้อย 414 ล้านบาท เชื่อว่าส่วนนึงเป็นเม็ดเงินจากการลดหย่อนภาษีจากกองทุน ThaiESG และวายุภักษ์อาจเล็งเห็นว่าหุ้นไทยหลายตัวอยู่ในจุดที่ Valuation เริ่มน่าสนใจ แรงซื้อวานนี้เด่นในกลุ่มท่องเที่ยว (AOT MINT) ค้าปลีก (CPALL CPAXT CRC HMPRO) ศูนย์การค้า (CPN) และธนาคารพาณิชย์ (KBANK)
ส่วนปรับลงนั้นส่วนใหญ่แล้วอยู่ใน Global Play อาทิ พลังงาน (PTTEP) ปิโตรเคมี (SCC) สะท้อนถึงเม็ดเงินวิ่งเข้าหากลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจภายในและการท่องเที่ยว เชื่อว่า Theme ข้างต้นจะยังน่าสนใจเช่นเดิมและยังคาดหวังถึงการฟื้นตัวต่อเนื่อง หนุนจากเม็ดเงินสถาบันพร้อมกับเศรษฐกิจค่อยๆฟื้นตัวและอีกส่วนเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยรับแรงกดดันจาก Trump Effect ไปมากแล้ว
วันนี้(3 ธ.ค.2567)ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหว 1,435 - 1,450 จุด ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังแนะนำเก็งกำไรได้เช่นเดิมเน้นที่กลุ่มค้าปลีก (BJC CRC CPALL GLOBAL HMPRO) ศูนย์การค้า (CPN) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB)
ปัจจัยติดตามคืนนี้ ได้แก่ ตำแหน่งเปิดรับสมัครงาน (Job Opening) Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 7.49 ล้านราย สูงกว่าเดือนก่อนที่ 7.44 ล้านราย
วันนี้แนะนำซื้อ หุ้น CPALL ราคาเป้าหมาย 80 บาท หลังหักรายการพิเศษจะมีกำไรปกติ 6.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 45%YoY ดีกว่าที่ฝ่ายวิเคราะห์และตลาดคาด 9% หนุนจากยอดขายสาขาเดิมของ 7-11 ที่เติบโต 3.3%YoY จากยอดขายกลุ่มอาหารพร้อมทานและ Personal Care ที่เติบโตดี รวมกับการเติบโตของกำไรของ CPAXT จากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (Makro +1.5% และ Lotus’s +2.3%) ขณะที่ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/2567 จะเติบโต YoY และ QoQ ต่อเนื่องตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยว
และ หุ้น BBL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 168 บาท) คาดว่ากำไรสุทธิปี 2567 จะเติบโตที่ 5.7% แต่การเติบโตชะลอลงที่ 2% และ 4.3% ในปี 2568-2569 แม้ว่า NIM จะแนวโน้มลดลง ปัจจัยหนุนการเติบโตมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของตลาดทุน และสำรองหนี้ฯลดลง