posttoday

SA ส่งซิกรายได้ Q4/67 นิวไฮ ชูกลยุทธ์ Investment Program เพิ่มโอกาสธุรกิจ

16 ธันวาคม 2567

SA ลั่นรายได้ไตรมาส 4/67 นิวไฮ ชูกลยุทธ์ Investment Program เพิ่มโอกาสธุรกิจ ดันรายได้ปี 67 แตะ 5,000 ล้านบาท โตไม่ต่ำกว่า 2 เท่า จากปีก่อน วางแนวทางขายโรงแรม-ตั้งกอง REIT ช่วยลดหนี้ หนุนฐานะการเงินแกร่ง ปักธงปี 70 รายได้พุ่ง 7,000 ล้านบาท และสัดส่วนรายได้ประจำเพิ่มเป็น 20%

นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/2567 บริษัทคาดมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 1,500-1,600 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ในปี 2567 จากการรับรู้รายได้ส่วนใหญ่จากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดโครงการ LANDMARK AT MRTA STATION หลังจากในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 3,282.70 ล้านบาท

ดังนั้น ส่งผลให้รายได้ในปี 2567 คาดว่าอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท หรือเติบโตอย่างโดดเด่นต่อเนื่องประมาณ 2 เท่าจากปีก่อน ด้วยกลยุทธ์พัฒนโครงการ Branded Residence และการเพิ่มโครงการแบบ Mixed Use ในโครงการ LANDMARK AT MRTA STATION ร่วมกับกระแสตอบรับที่ดีจากโปรแกรม Investment Program ซึ่งได้รับความสนใจจากทั้งลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งมีการเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ 

SA ส่งซิกรายได้ Q4/67 นิวไฮ ชูกลยุทธ์ Investment Program เพิ่มโอกาสธุรกิจ

ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SA

สำหรับ Investment Program เปิดโอกาสให้ลูกค้าลงทุนในห้องชุดในโครงการ LANDMARK AT MRTA STATION พร้อมทำสัญญาให้ทีมบริหารโครงการดูแลในรูปแบบ Cassia Residence และ Cassia Hotel ในระยะเวลา 15 ปี ซึ่งมีจำนวนยูนิตที่เข้าร่วมโปรแกรมทั้งในส่วนของเรสซิเดนซ์ และโรงแรม รวม 350 ยูนิต ปัจจุบันสามารถขายไปได้แล้วประมาณ 250 ยูนิต ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าชาวจีน 

โดย Cassia Hotel ที่เข้า Investment Program แบ่งเป็น 3 ขนาด ได้แก่ ห้องขนาด 37 ตร.ม., 45 ตร.ม. และ 53 ตร.ม. ราคา 5-7.6 ล้านบาท ส่วน Cassia Residence ราคาเริ่มต้น 4.5 ล้านบาท 

ทั้งนี้ Investment Program มุ่งเน้นให้บริการแก่ลูกค้าที่ต้องการสร้างรายได้แบบ Passive Income โดยผู้ลงทุนจะได้รับการรับประกันผลตอบแทนในช่วง 5 ปีแรก ในอัตรา 5% ต่อปี และในปีที่ 6-15 จะได้รับผลตอบแทนในรูปแบบการแบ่งผลกำไร (Profit Sharing) ตามผลประกอบการของโครงการ ซึ่งคาดการณ์ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 8% 

SA ส่งซิกรายได้ Q4/67 นิวไฮ ชูกลยุทธ์ Investment Program เพิ่มโอกาสธุรกิจ Cassia Rama 9 Bangkok 

นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการแนวราบ เช่น โครงการ Siamese Blossom พหลฯ-วิภาวดี (บ้านแฝดและทาวน์โฮม) และโครงการ Siamese Holm พหลฯ-วิภาวดี (บ้านเดี่ยวติดถนนใหญ่ ใกล้ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต) รวมถึงรายได้จากธุรกิจโรงแรม ธุรกิจร้านอาหาร และเฮลท์ & เวลเนส ซึ่งเป็นธุรกิจบริการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามกลยุทธ์สร้างสมดุลรายได้ สะท้อนถึงความสำเร็จในการปรับโมเดลธุรกิจเพื่อบริหารความเสี่ยงและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว 

ส่วนในปี 2568 บริษัทยังไม่มีแผนการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยสำหรับขายใหม่ เนื่องจากยังมีสินค้าในพอร์ตมูลค่าเกือบๆ 20,000 ล้านบาท จาก 10 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 4 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 6 โครงการ ในการรองรับการขาย ประกอบกับกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ณ ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ารวมประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดในปี 2568 

ทั้งนี้ ในปี 2568 บริษัทจะเน้นให้ความสำคัญกับการลดหนี้เป็นหลัก เพื่อลดภาระต้นทุนทางการเงิน ทำให้ฐานะการเงินมีความแข็งแกร่งมากขึ้น โดยแนวทางการลดหนี้ของบริษัท ได้แก่ 1.การขายโรงแรม ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีโรงแรมในพอร์ต จำนวน 6-7 แห่ง รวมมูลค่าเกือบ 20,000 ล้านบาท มีผู้ที่สนใจติดต่อเข้ามาเจรจาอย่างต่อเนื่อง 2.บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการจัดตั้งกอง REIT และ 3. Investment Program ที่จะขยายโอกาสทางธุรกิจให้กับบริษัท
 
ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงเป้าหมายมีรายได้ 7,000 ล้านบาท ในปี 2570 จากการพัฒนาโครงการใหม่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจโรงแรม ซึ่งเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างจำนวน 6 โครงการ และในปี 2568 บริษัทจะเริ่มเปิดให้บริการโรงแรม Crowne Plaza จำนวน 262 ยูนิต โดยบริษัทวางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้รายได้ประจำเป็น 20% ภายในปี 2570 จากปัจจุบันอยู่ที่มีสัดส่วนประมาณ 10% 

นายขจรศิษฐ์ กล่าวถึงโครงการบ้านเพื่อคนไทย ผ่อน 30 ปี เดือนละ 4,000 บาท ได้สิทธิอาศัย 99 ปี ว่า เป็นโครงการที่ดี ที่ช่วยให้คนมีรายได้น้อยได้มีบ้าน อย่างไรก็ตาม จากการดำเนินโครงการดังกล่าว มองว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จับกลุ่มลูกค้าระดับล่าง ขณะที่ในส่วนของบริษัทเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน-ล่าง ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด