SA ส่งซิกรายได้ Q4/67 นิวไฮ ชูกลยุทธ์ Investment Program เพิ่มโอกาสธุรกิจ
SA ลั่นรายได้ไตรมาส 4/67 นิวไฮ ชูกลยุทธ์ Investment Program เพิ่มโอกาสธุรกิจ ดันรายได้ปี 67 แตะ 5,000 ล้านบาท โตไม่ต่ำกว่า 2 เท่า จากปีก่อน วางแนวทางขายโรงแรม-ตั้งกอง REIT ช่วยลดหนี้ หนุนฐานะการเงินแกร่ง ปักธงปี 70 รายได้พุ่ง 7,000 ล้านบาท และสัดส่วนรายได้ประจำเพิ่มเป็น 20%
นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/2567 บริษัทคาดมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 1,500-1,600 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ในปี 2567 จากการรับรู้รายได้ส่วนใหญ่จากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดโครงการ LANDMARK AT MRTA STATION หลังจากในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 3,282.70 ล้านบาท
ดังนั้น ส่งผลให้รายได้ในปี 2567 คาดว่าอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท หรือเติบโตอย่างโดดเด่นต่อเนื่องประมาณ 2 เท่าจากปีก่อน ด้วยกลยุทธ์พัฒนโครงการ Branded Residence และการเพิ่มโครงการแบบ Mixed Use ในโครงการ LANDMARK AT MRTA STATION ร่วมกับกระแสตอบรับที่ดีจากโปรแกรม Investment Program ซึ่งได้รับความสนใจจากทั้งลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งมีการเปิดตัวไปก่อนหน้านี้
ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SA
สำหรับ Investment Program เปิดโอกาสให้ลูกค้าลงทุนในห้องชุดในโครงการ LANDMARK AT MRTA STATION พร้อมทำสัญญาให้ทีมบริหารโครงการดูแลในรูปแบบ Cassia Residence และ Cassia Hotel ในระยะเวลา 15 ปี ซึ่งมีจำนวนยูนิตที่เข้าร่วมโปรแกรมทั้งในส่วนของเรสซิเดนซ์ และโรงแรม รวม 350 ยูนิต ปัจจุบันสามารถขายไปได้แล้วประมาณ 250 ยูนิต ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าชาวจีน
โดย Cassia Hotel ที่เข้า Investment Program แบ่งเป็น 3 ขนาด ได้แก่ ห้องขนาด 37 ตร.ม., 45 ตร.ม. และ 53 ตร.ม. ราคา 5-7.6 ล้านบาท ส่วน Cassia Residence ราคาเริ่มต้น 4.5 ล้านบาท
ทั้งนี้ Investment Program มุ่งเน้นให้บริการแก่ลูกค้าที่ต้องการสร้างรายได้แบบ Passive Income โดยผู้ลงทุนจะได้รับการรับประกันผลตอบแทนในช่วง 5 ปีแรก ในอัตรา 5% ต่อปี และในปีที่ 6-15 จะได้รับผลตอบแทนในรูปแบบการแบ่งผลกำไร (Profit Sharing) ตามผลประกอบการของโครงการ ซึ่งคาดการณ์ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 8%
Cassia Rama 9 Bangkok
นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการแนวราบ เช่น โครงการ Siamese Blossom พหลฯ-วิภาวดี (บ้านแฝดและทาวน์โฮม) และโครงการ Siamese Holm พหลฯ-วิภาวดี (บ้านเดี่ยวติดถนนใหญ่ ใกล้ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต) รวมถึงรายได้จากธุรกิจโรงแรม ธุรกิจร้านอาหาร และเฮลท์ & เวลเนส ซึ่งเป็นธุรกิจบริการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามกลยุทธ์สร้างสมดุลรายได้ สะท้อนถึงความสำเร็จในการปรับโมเดลธุรกิจเพื่อบริหารความเสี่ยงและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ส่วนในปี 2568 บริษัทยังไม่มีแผนการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยสำหรับขายใหม่ เนื่องจากยังมีสินค้าในพอร์ตมูลค่าเกือบๆ 20,000 ล้านบาท จาก 10 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 4 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 6 โครงการ ในการรองรับการขาย ประกอบกับกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ณ ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ารวมประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดในปี 2568
ทั้งนี้ ในปี 2568 บริษัทจะเน้นให้ความสำคัญกับการลดหนี้เป็นหลัก เพื่อลดภาระต้นทุนทางการเงิน ทำให้ฐานะการเงินมีความแข็งแกร่งมากขึ้น โดยแนวทางการลดหนี้ของบริษัท ได้แก่ 1.การขายโรงแรม ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีโรงแรมในพอร์ต จำนวน 6-7 แห่ง รวมมูลค่าเกือบ 20,000 ล้านบาท มีผู้ที่สนใจติดต่อเข้ามาเจรจาอย่างต่อเนื่อง 2.บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการจัดตั้งกอง REIT และ 3. Investment Program ที่จะขยายโอกาสทางธุรกิจให้กับบริษัท
ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงเป้าหมายมีรายได้ 7,000 ล้านบาท ในปี 2570 จากการพัฒนาโครงการใหม่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจโรงแรม ซึ่งเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างจำนวน 6 โครงการ และในปี 2568 บริษัทจะเริ่มเปิดให้บริการโรงแรม Crowne Plaza จำนวน 262 ยูนิต โดยบริษัทวางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้รายได้ประจำเป็น 20% ภายในปี 2570 จากปัจจุบันอยู่ที่มีสัดส่วนประมาณ 10%
นายขจรศิษฐ์ กล่าวถึงโครงการบ้านเพื่อคนไทย ผ่อน 30 ปี เดือนละ 4,000 บาท ได้สิทธิอาศัย 99 ปี ว่า เป็นโครงการที่ดี ที่ช่วยให้คนมีรายได้น้อยได้มีบ้าน อย่างไรก็ตาม จากการดำเนินโครงการดังกล่าว มองว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จับกลุ่มลูกค้าระดับล่าง ขณะที่ในส่วนของบริษัทเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน-ล่าง ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด