posttoday

NKT ไอพีโอตัวสุดท้ายปี 67 เปิดเทรดวันแรก 5.95 บาท ต่ำจอง 23.72%

20 ธันวาคม 2567

NKT ไอพีโอตัวสุดท้ายปี 67 เปิดเทรด SET วันแรก 5.95 บาท ลดลง 23.72% จากราคาไอพีโอ 7.80 บาท ชู 3 โครงการขยายการลงทุนเพิ่มศักยภาพเติบโต มุ่งสู่การเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลชั้นนำระดับประเทศ พบ VIBHA ถือหุ้น อันดับ 7 จำนวน 6 ล้านหุ้น สัดส่วน 1.12%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท โรงพยาบาลนครธน จำกัด (มหาชน) หรือ NKT เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันนี้ (20 ธ.ค.2567) เป็นวันแรก ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดธุรกิจการแพทย์ โดยเปิดที่ราคา 5.95 บาท ปรับลดลง 1.85 บาท หรือคิดเป็นลดลง 23.72% จากราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 7.80 บาท 

ล่าสุด ปิดซื้อขายช่วงเช้า เวลา 12.30 น. ปรับลดลง 1.45 บาท หรือคิดเป็นลดลง 18.59% มาอยู่ที่ 6.35 บาท มูลค่าการซื้อขายรวม 413.05 ล้านบาท 

NKT ไอพีโอตัวสุดท้ายปี 67 เปิดเทรดวันแรก 5.95 บาท ต่ำจอง 23.72% หุ้น NKT เปิดเทรดต่ำจอง

ทั้งนี้ NKT ประกอบกิจการสถานพยาบาลทั่วไประดับตติยภูมิประเภทรับผู้ป่วยไว้ค้างคืน (ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม) ขนาด 150 เตียง ภายใต้ชื่อ “โรงพยาบาลนครธน”
 
NKT เสนอราคาขาย IPO ที่ 7.80 บาท/หุ้น จำนวนไม่เกิน 135,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 25.23% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลัง IPO โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทภายหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และการจัดสรรทุนสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมาย และข้อบังคับของบริษัท

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้
 
1. เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการโรงพยาบาลนครธน 2
2. เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการนครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ (Nakornthon Long Life Center) ซึ่งจะเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิงแบบองค์รวม
3. เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในการขยายจำนวนเตียงในการให้บริการของโรงพยาบาลนครธน
4. เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมให้กับสถาบันการเงิน
5. เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

ทางด้านผลการดำเนินงานในปี 2564-2566 บริษัทมีรายได้รวม อยู่ที่ 1,551.67 ล้านบาท 1,963.05 ล้านบาท และ 2,036.89 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 183.24 ล้านบาท 320.91 ล้านบาท และ 282.29 ล้านบาท ตามลำดับ 
 
ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม อยู่ที่ 1,521.34 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 190.83 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบข้อมูลผู้ถือหุ้น พบว่า บริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี จำกัด (มหาชน) หรือ VIBHA ถือหุ้นอันดับ 7 จำนวน 6,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 1.12%

NKT ไอพีโอตัวสุดท้ายปี 67 เปิดเทรดวันแรก 5.95 บาท ต่ำจอง 23.72%

ผู้ถือหุ้น NKT

รองศาสตราจารย์ ญาณเดช ทองสิมา ประธานกรรมการบริษัท บริษัท โรงพยาบาลนครธน จำกัด (มหาชน) หรือ NKT เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งขยายการลงทุนตามแผนงานที่วางไว้ รวมถึงดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ของบริษัท เพื่อจะก้าวไปสู่การเป็น “หนึ่งในโรงพยาบาลชั้นนำระดับประเทศ” โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างและขยายการลงทุน 3 โครงการหลัก เพื่อเพิ่มศักยภาพการเติบโตจากการขยายฐานผู้เข้ารับบริการในโรงพยาบาลนครธนและการก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ ได้แก่ 

1) โครงการโรงพยาบาลนครธน 2 บนถนนเอกชัย จำนวน 151 เตียง คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนที่เกี่ยวข้องประมาณ 900 ล้านบาท และจะเปิดให้บริการแก่ผู้รับบริการทั่วไปที่ชำระเงินเองในระยะเริ่มแรก และเริ่มรับรู้รายได้ประมาณปลายปี 2568 หลังจากนั้นจะยื่นขออนุญาตเป็นโรงพยาบาลประกันสังคมในช่วงต้นปี 2569 และคาดว่าจะเปิดให้บริการรักษาพยาบาลแก่ผู้ประกันตนตามสิทธิประกันสังคมได้ประมาณปี 2570 

2) โครงการนครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ ซึ่งจะตั้งอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลนครธน เพื่อจะเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิงแบบองค์รวม คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนที่เกี่ยวข้องประมาณ 557 ล้านบาท และคาดว่าจะเปิดดำเนินการประมาณปี 2569 

3) โครงการขยายจำนวนเตียงให้บริการของโรงพยาบาลนครธนอีก 110 เตียง จากปัจจุบัน 150 เตียง รวมเป็น 260 เตียง คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนที่เกี่ยวข้องประมาณ 414 ล้านบาท และคาดว่าจะทยอยเปิดให้บริการปี 2568-2570 ซึ่งทั้ง 3 โครงการมีความคืบหน้าตามแผนงานที่วางไว้

ขณะที่โรงพยาบาลนครธน บนถนนพระรามที่ 2 ที่สร้างรายได้หลักแก่บริษัท มีศักยภาพที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยจุดเด่นด้านทำเลที่ตั้งของโรงพยาบาลที่มีศักยภาพจะเป็น “เขตเมืองแห่งใหม่” (New Urbanized District) ของกรุงเทพฯ ได้ในอนาคต เนื่องจากเป็นหนึ่งในเขตพื้นที่อยู่อาศัยชั้นดีและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน 

รวมถึงพระรามที่ 2 เป็นถนนสายหลักที่มุ่งสู่ฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ และใช้เดินทางสู่ภาคใต้ของประเทศไทย อีกทั้งสามารถเชื่อมต่อสู่ย่านศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ ด้วยทางด่วน และมีการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ตลาดนัด และซุปเปอร์มาร์เก็ต จำนวนมาก นอกจากนี้ โรงพยาบาลนครธนตั้งอยู่ใกล้กับสถานที่ราชการสำคัญ เช่น สำนักงานเขตบางขุนเทียน และสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาบางขุนเทียน เป็นต้น

นายวิศาล สายเพ็ชร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลนครธน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันโรงพยาบาลนครธน เป็นหนี่งในโรงพยาบาลชั้นนำของพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก ที่มีความสามารถรักษาโรคที่มีความซับซ้อน (โรงพยาบาลระดับตติยภูมิ) ซึ่งโรงพยาบาลระดับตติยภูมิส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก โดยโรงพยาบาลนครธนมีศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง 20 ศูนย์ อาทิ ศูนย์สมองและระบบประสาท ศูนย์หัวใจ ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ ศูนย์กระดูกสันหลัง ศูนย์มะเร็ง ศูนย์ทันตกรรม เป็นต้น และมีแผนกการรักษาผู้ป่วย 1 แผนก ได้แก่ แผนกไตเทียม 

โดยบริษัทได้วางกลยุทธ์การเติบโต ประกอบด้วย 1) มุ่งมั่นก้าวไปสู่การเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลชั้นนำในระดับประเทศ 2) พัฒนาคุณภาพการให้บริการด้วยบุคลากรและทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ 3) นำเทคโนโลยีมาใช้บริหารจัดการองค์กร 4) ขยายขอบเขตการให้บริการภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ 5) ต่อยอดความแข็งแกร่งของ Brand Image และพัฒนาความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการ 

6) ขยายธุรกิจผ่านเครือข่ายของโรงพยาบาลและธุรกิจด้านสุขภาพอื่นๆ และ 7) ขยายการให้บริการแก่กลุ่มผู้รับบริการชาวต่างชาติ โดยได้แต่งตั้งตัวแทนด้านการตลาดในเมียนมา เพื่อเป็นศูนย์กลางติดต่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายและผู้ที่สนใจเข้ารับบริการทางการแพทย์ สามารถเดินทางมาประเทศไทยเพื่อรับบริการที่โรงพยาบาลนครธนได้สะดวกยิ่งขึ้น รวมถึงขยายการทำการตลาดไปยังประเทศกัมพูชาและบังกลาเทศอีกด้วย
  
นายยศวีร์ สุทธิกุลพานิช ผู้บริหารสายงาน Investment Banking and Capital Market ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วมและตัวแทนบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า บมจ.โรงพยาบาลนครธน มีศักยภาพการเติบโตที่ดี เนื่องจากมีจุดเด่นที่หลากหลาย อาทิ สามารถให้บริการรักษาโรคที่มีความซับซ้อนและโรคทั่วไป ทำเลที่ตั้งในบริเวณพระราม 2 ที่มีศักยภาพเป็นเมืองแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ในอนาคต มีความร่วมมือกันพันธมิตรชั้นนำจัดตั้งศูนย์การแพทย์เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการ และมีฐานลูกค้าจำนวนมาก ฯลฯ