8 หุ้นกำไร Q4/67 ดี ปันผลเด่น ปี 2025 โตต่อ
ในช่วงต้นปี 2025 เดือน มกราคม-กุมภาพันธ์ เข้าสู่ช่วงที่บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/2567 ตามมาด้วยเทศกาลจ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 ในช่วงปลายเดือน กุมภาพันธ์-พฤษภาคม 2568 ถือเป็นฤกษ์งามยามดีที่จะซื้อดักทางงบที่จะออกมาดีและปันผลโดดเด่น
ตลาดหุ้นในเดือน ม.ค. อาจผันผวนจากประเด็นกังวลและติดตาม ทั้ง 1) Global Minimum Tax น่าจะกระทบ DELTA, TU, STA (effective tax rate ต่ำ 10%) และกระทบเล็กน้อยต่อโรงไฟฟ้าและบรรจุภัณฑ์ 2) กังวลแรงขาย LTF มองกระทบไม่มาก เพราะการถึงกำหนดขายตามปีปฏิทินไม่ทำให้เกิดการกระจุกของแรงขาย 3) ภาวการณ์คลังสหรัฐฯ (เพดานหนี้) 4) นโยบายการค้าและเศรษฐกิจของผู้นำใหม่สหรัฐฯ
ผลประกอบการไตรมาส 4/67 ถึงไตรมาส 1/68 บล.ยูโอบีเคย์เฮียน คาดออกมาแข็งแกร่ง และเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ SET Index เดินหน้าในทิศทางปรับขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอิงเศรษฐกิจในประเทศ ที่ไม่เสี่ยงต่อนโยบายการค้า/เศรษฐกิจของทรัมป์ และมีแรงส่งจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ ได้แก่ ธนาคาร, การเงิน, ค้าปลีก, รับเหมา เป็นต้น
• กลุ่มธนาคาร - คาดรายงานกำไรไตรมาส 4/67 ที่ 5.1 หมื่นล้านบาท -7% QoQ และ +20% YoY (การลดลง QoQ เป็นปัจัยฤดูกาล) ทั้งนี้เรายังให้น้ำหนักว่าผลประกอบการอาจดีกว่าคาด หลังตั้งสำรองหนักมาตลอดปี โดยธนาคารที่คาดรายงานกำไรเด่น YoY ได้แก่ KABNK, KTB และ TTB
• กลุ่มอาหาร - มีแนวโน้มปรับประมาณการที่น่าสนใจ กลุ่มอาหารโดยเฉพาะกลุ่มเครื่องดื่มและกลุ่มผู้ผลิตเนื้อสัตว์ มีแนวโน้มของการปรับประมาณการกำไรขึ้นที่น่าสนใจ มาจากต้นทุนการผลิตที่ลดลง บวกต่อ CBG, OSP, BTG, CPF, TFG โดยเรามอง CBG และ BTG มี earnings upgrade potential ในระดับ +20% และ +45% ตามลำดับ
ทั้งนี้ผลประกอบการกลุ่มอาหารไตรมาส 4 มีแนวโน้มดีกว่าไตรมาส 3 ที่เป็น peak season และสูงเมื่อเทียบกับประมาณการกำไรปี 2568 คาดจะ trigger การเกิด Earnings upgrade และ revised up TP ทำให้หุ้นมีโอกาสฟื้นรอบใหญ่ๆ
ภาพรวมความผันผวนช่วง ม.ค. เป็นโอกาสในการซื้อ มองกลุ่ม Earnings momentum play ในไตรมาส 4/67 ถึง ไตรมาส 1/68 มีความน่าสนใจ ชอบหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว, การแพทย์, ค้าปลีก และอาหาร (เครื่องดื่มและเนื้อสัตว์) ขณะที่คาดธนาคาร และการเงิน จะเป็นกลุ่มช่วยประคองบรรยากาศรวม สัดส่วนลงทุน เงินสด 40% พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ
KTB คาดรายงานกำไรไตรมาส 4/67 ที่ 11,009 ล้านบาท -0.9% QoQ, +21.2% YoY คาดผลตอบแทนปันผลที่ 5% ตัดขาดทุน 20.80 บาท
CBG ผลการดำเนินงานฟื้นตัวต่อเนื่องจากต้นทุนการผลิตที่ปรับลดลงและการสร้างโรงงานที่พม่าบวกต่อการแย่งส่วนแบ่งการตลาด ตัดขาดทุน 77.25 บาท
BTG คาดกำไรไตรมาส 4/67 เพิ่มขึ้นทั้ง qoq และ yoy จากต้นทุนการผลิตที่ปรับลดลงส่งผลให้อัตรากำไรปรับดีขึ้น ตัดขาดทุน 17.50 บาท
SORKON คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 4/67 ฟื้นตัวต่อเนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงและราคาเนื้อสัตว์มีเสถียรภาพ ตัดขาดทุน 4.20 บาท
"ADVANC แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 330 บาท กำไรปกติไตรมาส 4/67 คาดเติบโต 26% yoy และ 5% qoq อยู่ที่ 8.9 พันล้านบาท สอดคล้องกับแนวโน้มรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นการเติบโตของรายได้เมื่อเทียบ yoy คาดว่าจะได้รับการสนับสนุนจากธุรกิจ FBB, ธุรกิจองค์กรและธุรกิจมือถือ ขณะที่รายได้เมื่อเทียบ qoq คาดได้รับผลจากธุรกิจเงินอุดหนุนมือถือ EBITDA Margin เติบโตทั้ง yoy และ qoq ปรับประมาณการกำไรปี 67-68 เล็กน้อย"
MASTER กำไรโค้ง 4 พุ่งแรง
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ลิเบอเรเตอร์ คาด MASTER กำไรสุทธิในไตรมาส 4/67 ที่ 200 ล้านบาท เร่งตัวแรง +83%q-q , +22%y-y ทำจุดสูงสุดใหม่รายไตรมาส จากการรับรู้รายได้ที่เลื่อนจากไตรมาส 3/67 ราว 20-30 ล้านบาท ผสานอัตราการใช้ห้องผ่าตัดใหญ่ที่เร่งสู่ 73.9% จาก 63.7% ในไตรมาสก่อน ค่าใช้จ่ายและบริหารที่คาดลดลงจากไตรมาสก่อน ผสานกับส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมราว 15 ล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นที่จะทำสถิติใหม่ที่ 31.7% เพิ่มแรงหนุนเชิงบวก ราคาเป้าหมาย 61.50 บาท
CBG ออลไทม์ไฮ
บล.ไอร่า ประเมิน “CBG” ผลประกอบการไตรมาส 4/67 คาดขยายตัว QoQ และ YoY ยอดขายและมาร์จิ้นปรับตัวขึ้น โดยมาร์เก็ตแชร์ในเชิง Volume เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการที่ CBG ยังคงราคาขายคาราบาวแดงขวดละ 10 บาท หนุนยอดขายภาคเหนือและอีสานทำ All time high โดย CBG ตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ปี 67 ที่ 26% และ ปี 68 ที่ 29% กลยุทธ์ “ซื้อสะสม” แนวรับ 77.50 / 76.50 บาท แนวต้าน 82 / 84 บาท Stopหากต่ำกว่า 74.50 บาท
เชียร์ MASTER - STA
บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำ “ซื้อ” MASTER แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/67 อาจดีกว่าที่เคยคาดราว 10% ลุ้นกำไรทำนิวไฮที่ 200-215 ล้านบาท มาจากรายได้ปิดเดือน ธ.ค. ยังทำไฮใหม่ คาดรายได้ทั้งไตรมาส และอัตรากำไรขั้นต้นปรับขึ้นทำนิวไฮทั้งคู่ ขณะที่ยังทยอยรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จบปี 67 คาดมีกำไรสุทธิ 510 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากปีก่อน และคาดปี 68 เพิ่มขึ้น 25%จากปีก่อน ผลจากการโตของรายได้โรงพยาบาล Masterpiece จากลูกค้าคนไทย และต่างชาติ รวมถึงส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมคาดโต 67% ในปี 67 คงราคาเป้าหมาย 56 บาท
นอกจากนี้แนะนำ “ซื้อ” STA ราคาเป้าหมาย 23 บาท อานิสงส์จากราคายางที่คาดว่าจะยังปรับขึ้นในปี 2025 จากภาวะ Supply Deficit ของโลกจากกำลังการผลิตใหม่ที่จำกัด ส่วนมาตรฐาน EUDR แม้จะถูกเลื่อนเป็นสิ้นปี 2025 แต่มองคำสั่งซื้อจะเร่งขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 68 ส่วน Trade War มีโอกาสหนุนคำสั่งซื้อถุงมือยางจากไทยมากขึ้น โดยคาดกำไรมรไตรมาส 4/67 ที่ 983 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนในไตรมาส 4/66 หนุนทั้งปี 67 มีกำไรสุทธิ 1.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 512% จากปีก่อน ส่วนปี 2025 คาดโตต่อเนื่องเป็น 2.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% จากปีก่อน ผลจากปริมาณการขายธรรมชาติและถุงมือยางที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาขายถุงมือยางคาดปรับขึ้นตาม SICOM และได้อานิสงส์จาก EUDR โดยเฉพาะในฝั่ง Margin ที่อาจมี Upside มองแนวรับ 17.80-17.60 บาท แนวต้าน 18.60 , 20 บาท
HMPRO เริ่มฟื้น
บล.พาย คาดรายได้ไตรมาส 4/67 ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท (+5% YoY, +11% QoQ) ผลจากยอดขายกลุ่มสินค้าซ่อมแซมและตกแต่งบ้านเพิ่มขึ้นเป็น 1.76 หมื่นล้านบาท (+5%YoY) จากยอดขายสาขาใหม่และการขยายตัวของยอดขายสาขาเดิมของ Mega Home และรายได้ค่าเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 524 ล้านบาท (+3%YoY) หนุนรายได้ค่าเช่าจากสาขาท่องเที่ยวที่ดีขึ้น
ขณะที่กำไรสุทธิงวดไตรมาส 4/67 คาดอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท (+3%YoY, +20%QoQ) จากยอดขายขยายตัว ประกอบกับค่าใช้จ่ายที่เริ่มควบคุมได้ดีขึ้นจาก Hybrid store ที่ทยอยเห็นผล ขณะที่การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของ HomePro ช่วงเดือน ธ.ค.67 พลิกกลับมาบวกได้เล็กน้อย YoY จากฐานที่ต่ำในปีก่อน และ HomePro Super Expo ที่จัดเดือน ธ.ค.67 เทียบกับ พ.ย.66 ส่วน Mega Home ขยายตัวดีระดับ 3-5% YoY
คงคำแนะนำ "ซื้อ" HMPRO มูลค่าพื้นฐาน 12.50 บาท คำนวณด้วยวิธีคิดลดกระแสงินสด (DCF) ด้วย WACC 7.9% และ TG 2.0% เทียบเท่า 23xPE’25E ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยกลุ่มสินค้าตกแต่งบ้านของไทย (เดิม 14.00 บาท) หลังปรับกำไรปี 2025 ลง 8% เพื่อสะท้อนแนวโน้ม SSSG ที่มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าคาด และค่าใช้จ่ายสาขาที่ยังคงในระดับสูง จากการเร่งขยายสาขาใหม่
CBG ปีนี้ All Time High
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) แนะนำ“ซื้อ” คงราคาเป้าหมายที่ 95 บาท คาดกำไรไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 879 ล้านบาท (+35% YoY, +18% QoQ) สูงสุดในรอบ 14 ไตรมาส หนุนจาก high season คาดรายได้เครื่องดื่มชูกำลังในประเทศทำ All Time High ต่อ บวกอานิสงส์แจกเงิน 10,000 บาทกลุ่มเปราะปรางหนุน distribution business โตต่อเนื่อง รายได้ต่างประเทศเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้ง GPM ขยายตัว YoY ทรงตัว QoQ คงประมาณการกำไรสุทธิปี 67 ที่ 2,939 ล้านบาท (+53% YoY) สำหรับปี 68 คาดกำไรสุทธิที่ 3,508 ล้านบาท (+19% YoY) จากรายได้ที่ขยายตัวต่อเนื่อง YoY และ GPM ขยายตัว
9 หุ้นปันผลเด่น
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรี ระบุว่า จากสถิติผลตอบแทนหุ้นปันผล (SETHD) ย้อนหลัง 10 ปี พบว่า SETHD ในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. ของทุกปี ผลตอบแทนมักเป็นบวก เดือน ม.ค. ผลตอบแทนบวก 6 ใน 10 ปี เฉลี่ย +0.7%, เดือน ก.พ. บวก 7 ใน 10 ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +0.67% และ SETHD ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของทุกปี (งวด 1Q) ผลตอบแทนเป็นบวก 7 ใน 10 ปี เฉลี่ย +0.85%)
ในเชิงกลยุทธ์ KSS แนะนำซื้อหุ้นปันผลสูง (High Dividend) ก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในช่วง 2 สัปดาห์แล้วขายวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD มักจะให้ผลตอบแทนที่ดี ทีมกลยุทธ์ได้ทำการคัดกรองหุ้นปันผลเด่น ภายใต้เงื่อนไข 2 ข้อ คือ
1. เป็นหุ้นที่จะจ่ายเงินปันผล ช่วง 2024F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลครั้งเดียว) หรือ 2H24F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง)
2. เป็นหุ้นพื้นฐานที่มีแนวโน้มการเติบโต, กระแสเงินสดมั่นคง, อยู่ใน Theme การลงทุนหลักของ KSS ปี 2025 ฯลฯ พบว่ามีหุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลเด่น 9 บริษัท ดังนี้
หุ้น Big Cap
SCB ราคาเป้าหมาย 135 บาท Yield 2H24F 8.6%
TTB ราคาเป้าหมาย 2.2 บาท Yield 2H24F 7.2%
HMPRO ราคาเป้าหมาย 13.50 บาท Yield 2H24F 4.3%
INTUCH ราคาเป้าหมาย 108 บาท Yield 2H24F 4.2%
ADVANC ราคาเป้าหมาย 305 บาท Yield 2H24F 3.7%หุ้น Mid Cap
AP ราคาเป้าหมาย 11.80 บาท Yield 2H24F 7.65%
TISCO ราคาเป้าหมาย 97 บาท Yield 2H24F 5.84%
SC ราคาเป้าหมาย 3.20 บาท Yield 2H24F 5.52%
JMT ราคาเป้าหมาย 22.80 บาท Yield 2H24F 2.3%
ทีมกลยุทธ์ KSS ศึกษาสถิติหุ้นปันผลเด่น 9 บริษัทดังกล่าวข้างต้น ย้อนหลัง 8 ปีพบว่าหากลงทุนซื้อหุ้นก่อน 2 สัปดาห์และขายวันที่ขึ้น XD พบว่า ผลตอบแทนเป็นบวก โดยหุ้นที่ให้ Return มากที่สุด คือ JMT +5.36%, TTB +4.16%, ADVANC +3.05%, ส่วน SCB, HMPRO, INTUCH, AP, SC, TISCO ผลตอบแทน (Capital Gain) เฉลี่ย 1% เท่ากับว่าการลงทุนหุ้นกลุ่ม High Dividend ในช่วงเวลาดังกล่าว หลายๆครั้งนักลงทุนจะมักจะได้รับเงินปันผลฟรี
GULF - GPSC - BGRIM ร่วงหนัก หลัง 'ทักษิณ' จ่อหั่นค่าไฟเหลือ 3.70 บาท
"ปฏิรูปภาษีไทย" โอกาส หรือ ความเสี่ยง ? หุ้นไทย
ผู้ประกอบการไทยเตรียมรับมือภาษีทุกมิติ หลังไทยเป็นสมาชิก OECD
ที่สุดแห่งปี67! หุ้นมาร์เก็ตแคปสูงสุด-ราคาพุ่งทะลุ 100%
สรุปหุ้นไทยปี67 ร่วง -1.10% มาร์เก็ตแคป 17.4 ล้านล้าน ผ่าเกม 2025 ฟื้น ?