posttoday

"อาชวิณ อัศวโภคิน" ทายาท LH ปรับเกม "ลด-คุม-คัด" สู้ศึกเศรษฐกิจ!

22 มกราคม 2568

"อาชวิณ อัศวโภคิน" นำทัพกุนซือ "แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH)" ปรับเกมรบปี 2568 เน้น "ลดเปิดโครงการใหม่ - คุมต้นทุน กระแสเงินสด - คัดพอร์ตลงทุน" รับมือเศรษฐกิจ พร้อมตั้งยอดขายทั้งปีแตะ 23,000 ล้านบาท ยอดโอน 20,000 ล้านบาท ตั้งงบลงทุน 8,500 ล้านบาทซื้อที่ดิน-อสังหาฯเพื่อเช่า

KEY

POINTS

  • "อาชวิณ อัศวโภคิน" นำทัพกุนซือ LH เน้น "ลดเปิดโครงการใหม่ - คุมต้นทุน กระแสเงินสด - คัดพอร์ตลงทุน" รับมือเศรษฐกิจ
  • LH วางเป้า 68 ยอดขายแตะ 23,000 ล้านบาท ยอดโอน 20,000 ล้านบาท ตั้งงบลงทุน 8,500 ล้านบาท ซื้อที่ดิน-อสังหาฯเพื่อเช่า

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2568 ยังหาทางฟื้นไม่เจอ! แม้ความหวังจากเศรษฐกิจที่คาดการณ์ว่าจะเติบโตขึ้น 2.9% จากการใช้จ่ายภาครัฐและภาคการท่องเที่ยวที่เร่งตัวขึ้น พร้อมกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจะลดลง

หากแต่ภาคการส่งออกยังชะลอตัวกดดันเศรษฐกิจเติบโตไม่มาก อีกทั้งความต้องการซื้ออสังหาฯยังได้รับแรงกดดันจากยอดคงค้างสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL)และหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูง ทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดในการให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ทุกวันนี้ยังไร้ทางออก!

"อาชวิณ อัศวโภคิน" รองกรรมการผู้จัดการ และผู้บริหารสูงสุดด้านการเงิน บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH ยอมรับว่าด้วยภาพเศรษฐกิจที่ไม่เป็นตามคาดและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญคือ การรักษาสภาพคล่องและระมัดระวังในการใช้เงินลงทุนพัฒนาโครงการ

ปีนี้บริษัทจึงโฟกัสตัวธุรกิจเป็นหลัก มีคุมต้นทุน บริหารกระแสเงินสด พร้อมกับวางยุทธศาสตร์ให้เหมาะสมเพื่อการเติบโตยั่งยืน 

อีกทั้งบริษัทยังมีสินค้าคงเหลือขายในระดับที่เพียงพอ จึงเป็นเหตุผลที่ว่าในปี 68 บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ เพียง 4 โครงการ มูลค่ารวม 11,180 ล้านบาท ลดลง 64% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่เปิดโครงการใหม่ต่อปีเฉลี่ย 15-17 โครงการ โดย 4 โครงการใหม่เป็นโครงการบ้านเดี่ยว ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 3 โครงการ และ ภูเก็ต 1 โครงการ ภายใต้แบรนด์ Siwalee ระดับราคา 8 - 15 ล้านบาท แบรนด์ Nantawan และ VIVE ราคา 30 - 80 ล้านบาท เพิ่มสินค้าระดับกลาง-บนทดแทนโครงการที่ขายหมดในปีที่ผ่านมา 

ดังนั้นหากรวมกับโครงการที่ดำเนินการในปัจจุบัน ในปีนี้บริษัทจะมีทั้งหมด 75 โครงการ มูลค่าประมาณ 93,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสินค้าแนวราบ 69 โครงการ มูลค่า 79,500 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่ากว่า 13,500 ล้านบาท ราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วย ราว 10.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากราคาเฉลี่ยต่อหน่วย 9.8 ล้านบาทในปีก่อน

ลุยธุรกิจให้เช่า-ลดหนี้-ลดพอร์ต

งบลงทุนปี 68 อยู่ที่ 8,500 ล้านบาท แบ่งเป็น งบซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย 4,000 ล้านบาท และ งบลงทุนอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่า 4,500 ล้านบาท โดยในเดือน เมษายนนี้จะเปิดตัวโครงการใหม่อีก 1 แห่งคือ Grande Centre Point Lumphini อาคารประเภท Mixed Use มีทั้งพื้นที่สำนักงานประมาณ 12,700 ตารางเมตร และโรงแรม 512 ห้อง พร้อมพื้นที่จัดเลี้ยงมากที่สุดในเครือโรงแรม Grande Centre Point ตามด้วย Grande Centre Point Ratchadamri 2 ในปี 69 และ Grande Centre Point Pattaya3 ในปี 70

นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าจะปรับพอร์ตการลงทุนในสหรัฐอเมริกา โดยลดสัดส่วนของอะพาร์ตเมนต์ลงตามสถานการณ์หลังการแพร่ระบาด COVID-19 ที่ส่วนใหญ่ยังคงรูปทำงานแบบ Work From Home และหันมาเน้นธุรกิจโรงแรมเป็นหลัก เนื่องจากให้ผลตอบแทนสูงถึง 7-8%

ปัจจุบันบริษัทมีอะพาร์ตเมนต์ 3 แห่ง และ โรงแรม 2 แห่ง เบื้องต้นอยู่ระหว่างพิจารณาการลงทุนเพิ่มเติม

อย่างไรก็ดี ในปีนี้เตรียมออกหุ้นกู้มูลค่า 12,000 ล้านบาท เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนด ซึ่งคาดว่าสิ้นปี 68 อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนสุทธิ (D/E) จะอยู่ในระดับ 1 เท่า ลดลงจากสิ้นปี 67 อยู่ที่ 1.3 เท่า

หนักใจเศรษฐกิจ

"นพร สุนทรจิตต์เจริญ" ประธานกรรมการบริหาร บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) ยอมรับเช่นกันว่า เศรษฐกิจไทยชะลอตัวหลายปี หลายๆเรื่องจะเห็นว่า GDP ในช่วงที่โตย้อนหลังไม่ค่อยตอบโจทย์อาจเพราะมีหลายปัญหารุมเร้าและปฏิเสธไม่ได้ว่าเศรษฐกิจโลกมีผลกระทบค่อนข้างเยอะ

ด้านโครงสร้างเศรษฐกิจไทยอยู่ที่เดิมมาตลอด การแข่งขันเหมือนเดิม ทำให้เราปรับตัวค่อนข้างยาก ดังนั้นสิ่งที่อ้างอิงมากที่สุดคือภาคการท่องเที่ยวเท่านั้น ซึ่งในปี 2567 งบประมาณอาจจะยังไม่มีมาก แต่ในปี 2568 อาจจะเห็นการลงทุนภาครัฐในระยะยาวมากขึ้นอาจจะตอบโจทย์ได้ 

แต่สิ่งที่หนักใจคือส่วนที่อยู่ข้างล่าง ตั้งแต่รากหญ้าจนถึงตลาดกลาง ซึ่งต่างจากปี 2540 ที่ระดับบนได้รับผลกระทบ แต่ตอนนี้ระดับล่างได้รับผลกระทบลามถึง SME ซึ่งการจ้างงานค่อนข้างเยอะ อีกทั้งกลุ่ม SME ไม่ค่อยปรับตัวถือเป็นปัญหาที่แก้ได้ยาก ดังนั้นส่วนตัวมองว่าการแก้ปัญหาต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ข้อดีคือด้วยปัญหาที่รุมเร้าทั่วโลกสิ่งที่เกิดขึ้นคือการย้ายฐานผลิตมาไทยมากขึ้น พวกเทคโนโลยี ดาต้าเซ็นเตอร์จะมีเม็ดเงินเข้ามาช่วยได้บ้าง ที่เหลือคือการกลับมาโฟกัสธุรกิจ 

"อย่างที่คุณอาชวินพูดว่าเราต้องกลับมาโฟกัสธุรกิจมากขึ้น ดูพื้นฐาน กระแสเงินสด กลยุทธ์ที่จะเดินหน้าในแต่ละช่วงไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิดทำให้ต้องวางแผนให้ดีในแต่ละช่วงเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องของสต็อคอสังหาฯในปีนี้ จุดสำคัญคือมีคนซื้อหรือไม่ เพราะมีสองขาเรื่องดีมานด์และซัพพลาย"

อย่างไรก็ดี LH ตั้งเป้ายอดขายปี 2568 ที่ 23,000 ล้านบาท วางเป้าหมายยอดโอน 20,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายรอโอน(แบ็คล็อก) ราว 7,700 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากคอนโดวัน ณ เวลา ที่เปิดขายในช่วงกลางปีที่ผ่านมา คาดเริ่มโอนได้ในช่วงปลายปี 2569 เป็นต้นไป

ผ่าอาณาจักรแสนล้าน "เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" เช็ค! 23 หุ้นรับอานิสงส์

รู้ก่อนซื้อ! อ่านเกมเล่นหุ้น “คอร์เนอร์แตก” แบบนักลงทุนวีไอพันธุ์แท้