เทียบฟอร์ม DeepSeek ท้าชน ChatGPT หุ้นไทยตัวไหน ได้-เสียประโยชน์?
DeepSeek สตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) จากประเทศจีน ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในวงการเทคโนโลยี ได้เปิดตัวโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพและใช้ต้นทุนต่ำ ได้เปิดตัว “R1” ซึ่งเป็นโมเดล AI แบบ open-source ที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าแชตบอตระดับโลกอย่าง ChatGPT ของ OpenAI
นอกจากนี้ แอปพลิเคชัน AI Assistant ของ DeepSeek กลายเป็นแอปพลิเคชั่นฟรีที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดบน Apple App Store ในสหรัฐฯ แซงหน้า ChatGPT
โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบระหว่าง ChatGPT กับ DeepSeek ทั้ง 2 มีความแตกต่างในหลายด้าน ดังนี้
1. การพัฒนาและเงินลงทุน
ChatGPT:
• พัฒนาโดย OpenAI ซึ่งได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากองค์กรและบริษัทขนาดใหญ่ เช่น Microsoft
• มีเงินทุนในระดับ 100-1,000 ล้านดอลลาร์ ทำให้สามารถพัฒนาเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น GPT-4 หรือ GPT-5
DeepSeek:
• เป็นสตาร์ทอัพจากจีนที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2023 โดยแยกตัวจาก High-Flyer Quant ซึ่งเป็นบริษัทเฮดจ์ฟันด์เชิงควอนทิเททีฟ
• มีทรัพยากรจำกัด แต่สามารถพัฒนาโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพสูงได้ด้วยงบประมาณที่น้อยกว่า เพียง 5.6 ล้านดอลลาร์
2. เทคโนโลยีและประสิทธิภาพ
ChatGPT:
• ใช้ GPU NVIDIA H100 (เร็วกว่า 2 เท่า)
• ใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model) ที่ได้รับการฝึกด้วยข้อมูลจำนวนมาก
• มีความสามารถในการสนทนาและตอบคำถามในหลากหลายหัวข้อ
DeepSeek:
• ใช้ GPU NVIDIA H800S
• เปิดตัวโมเดล DeepSeek-R1 ซึ่งเป็นโอเพนซอร์สที่เน้นการให้เหตุผล (Reasoning) และอ้างว่ามีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือเหนือกว่าโมเดล o1 ของ OpenAI ในบางด้าน
• ใช้สถาปัตยกรรม Mixture-of-Experts (MoE) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผล
3. การเปิดเผยและการเข้าถึง
ChatGPT:
• เป็นโมเดลที่พัฒนาโดยองค์กรเอกชนและไม่ได้เปิดเผยโค้ดทั้งหมด
DeepSeek:
• เป็นโมเดลในรูปแบบโอเพนซอร์ส ทำให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึงและปรับปรุงได้อย่างอิสระ
4.การใช้งาน
ChatGPT:
• ใช้งานได้หลากหลาย ตั้งแต่การให้คำแนะนำทั่วไป ช่วยเขียนโค้ด ไปจนถึงช่วยเขียนเรื่องราว
DeepSeek:
• เน้นตะลุยโจทย์ยากๆ พูดไม่ได้ วาดรูปไม่เป็น
5. การตอบสนองต่อประเด็นอ่อนไหว
ChatGPT:
• มีการกรองเนื้อหาเพื่อป้องกันการตอบสนองที่ไม่เหมาะสม แต่ไม่มีการเซ็นเซอร์เนื้อหาทางการเมืองหรือสังคมอย่างเข้มงวด
DeepSeek:
• มีการควบคุมเนื้อหาตามนโยบายของรัฐบาลจีน ทำให้การตอบสนองต่อประเด็นอ่อนไหว เช่น สิทธิมนุษยชน หรือสถานะของไต้หวัน สะท้อนค่านิยมของสังคมนิยม
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ประเด็นดังกล่าว ทำให้เกิดการตั้งคำถามถึงความจำเป็นต่อการใช้ทรัพยากรจำนวนมาหาศาลในอุตสาหกรรม AI ของสหรัฐฯ และส่งผลให้เมื่อวันที่ 27 ม.ค.2568 มาร์เก็ตแคปหุ้น SEMICONDUCTOR วูบหาย 1 ล้านล้านเหรียญฯ อาทิ NVIDIA -16.9% BROADCOM -17.4% ASML -5.7% AMD -6.4% เป็นต้น นอกจากนี้ยังเห็นการโยกย้ายเม็ดเงินจาก MSCI ACWI GROWTH -2.6% สู่ MSCI ACWI VALUE +1.4%
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยน่าจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากหุ้นกลุ่ม TECH ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับหุ้นผลิตชิปต่างๆ มีไม่มาก อาทิ DELTA, CCET
ส่วนหุ้นที่ได้ประโยชน์ ประกอบด้วย DR อิงแอปพลิเคชัน, AI จีน ได้แก่ AAPL80X, BABA80, BIDU80 และหุ้นวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศไทย ได้แก่ BE8, BBIK, PIS, INSET, AIT